ความจริง 31/10/2025 14:04

ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ “ตั.บพั.ง” ได้! แพทย์เตือน 4 เมนูเสี่ยงสูง ควรเลี่ยงก่อนสาย

หลายคนเข้าใจว่าตับจะเสียหายได้ก็ต่อเมื่อดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แต่ในความจริงแล้ว “โรคตับ” สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินในชีวิตประจำวัน ที่เราอาจมองข้ามไปอย่างไม่รู้ตัว

ทีมแพทย์จากหลายสถาบันทางการแพทย์เตือนว่า แม้จะไม่แตะแอลกอฮอล์เลย แต่ถ้ากินอาหารบางชนิดบ่อยๆ ตับก็มีโอกาสเสื่อมสภาพจนถึงขั้นอักเสบเรื้อรัง หรือเกิดภาวะ “ตับไขมัน” ได้เช่นกัน

1. อาหารทอดและของมันจัด

น้ำมันที่ผ่านการทอดซ้ำหลายครั้ง หรืออาหารที่อมน้ำมัน เช่น ไก่ทอด หมูกรอบ ปาท่องโก๋ ล้วนทำให้ร่างกายรับไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ตับต้องทำงานหนักในการสลายไขมัน ส่งผลให้เกิดการสะสมจนกลายเป็น “ภาวะไขมันพอกตับ”

2. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

น้ำอัดลม ชาเย็น กาแฟเย็น หรือเครื่องดื่มชงสำเร็จที่มีน้ำตาลมากกว่า 5 ช้อนชาต่อแก้ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อดื่มบ่อยๆ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินเป็นไขมันสะสมในตับ

3. อาหารแปรรูป

ไส้กรอก แฮม หมูยอ และอาหารกระป๋อง มักมีสารกันเสีย โซเดียม และไขมันแฝงสูง การรับประทานต่อเนื่องทำให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับสารพิษออก ส่งผลให้เซลล์ตับอักเสบและเสื่อมสภาพเร็ว

4. อาหารเค็มและซอสปรุงรสมากเกินไป

การกินอาหารที่มีเกลือหรือซอสปรุงรสมากเกินไป เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ซอสหอยนางรม ทำให้ร่างกายคั่งน้ำและโซเดียม ซึ่งมีผลต่อความดันโลหิตและระบบการกรองของตับ


สัญญาณเตือนว่าตับเริ่มอ่อนแอ

  • รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ

  • ท้องอืด แน่น หรือมีอาการจุกบริเวณชายโครงขวา

  • ผิวและตาเริ่มเหลือง

  • ปัสสาวะมีสีเข้ม

หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กการทำงานของตับทันที


วิธีดูแลตับให้แข็งแรง

  • ลดอาหารทอด อาหารหวาน และอาหารแปรรูป

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  • พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงความเครียด


แม้จะ “ไม่ดื่มแอลกอฮอล์” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตับจะปลอดภัยเสมอไป การกินอาหารให้สมดุล หลีกเลี่ยงเมนูเสี่ยงทั้ง 4 ข้อนี้ และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญในการรักษาตับให้แข็งแรงยาวนาน

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่