ความจริง 30/10/2025 22:14

แม้จะเป็น “ผักโขม” เหมือนกัน แต่ “รากแดง” กับ “รากขาว” กลับแตกต่างกันมาก ควรรู้ไว้ก่อนซื้อ

แม้จะเป็น “ผักโขม” เหมือนกัน แต่ “รากแดง” กับ “รากขาว” กลับแตกต่างกันมาก ควรรู้ไว้ก่อนซื้อ จะได้เลือกแบบที่นุ่มและหวานกว่า

วันนี้อยากมาแบ่งปันว่า “ผักโขมรากแดง” และ “ผักโขมรากขาว” นั้นมีความแตกต่างกันมาก หากเข้าใจก่อนซื้อ จะช่วยให้เลือกได้ผักที่อร่อยและมีรสชาติดีกว่า

หลายคนชอบกินผักโขม เพราะเป็นผักที่อร่อย จะนำไปผัดหรือต้มกินเย็นก็อร่อยทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าผักโขมก็มีหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะ “ผักโขมรากแดง” และ “ผักโขมรากขาว” ที่ต่างกันทั้งรูปลักษณ์และคุณค่าทางโภชนาการ

cải bó xôi, rau bina


1. วิธีสังเกตผักโขมรากแดงและรากขาว

จริง ๆ แล้วผักโขมรากแดงและผักโขมรากขาวต่างก็เป็นพันธุ์ที่แตกต่างกัน ผักโขมรากแดงมักเป็นพันธุ์พื้นบ้าน ส่วนผักโขมรากขาวเป็นพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ

ผักโขมรากแดงจะมีใบสีเขียวเข้มกว่า ลำต้นสั้นกว่า ใบเล็กกว่า ส่วนผักโขมรากขาวจะมีใบใหญ่ ลำต้นยาว สีของใบอ่อนกว่าเล็กน้อย

สาเหตุที่สีแตกต่างกัน เนื่องจากผักโขมรากแดงมักปลูกในฤดูหนาวที่มีระยะเวลาการเติบโตยาวและแสงแดดอ่อน ขณะที่ผักโขมรากขาวมักปลูกในฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ผลิ ทำให้วงจรการเติบโตสั้นกว่าและสีของใบอ่อนกว่า


cải bó xôi, rau bina

2. ผักโขมชนิดใดมีคุณค่าทางโภชนาการดีกว่ากัน?

หากเปรียบเทียบแล้ว ผักโขมรากแดงจะมีสารอาหารบางชนิดมากกว่า เช่น แคโรทีน วิตามินซี แคลเซียม และโพแทสเซียม รวมถึงมีเม็ดสีธรรมชาติที่ชื่อว่า “เบทาเลน (Betalain)” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผักโขมรากแดงหรือรากขาว ล้วนมีคุณค่าทางโภชนาการสูงทั้งคู่ ผักโขมเป็นผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ การกินทั้งสองชนิดล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ


cải bó xôi, rau bina

3. ข้อควรระวังเมื่อรับประทานผักโขม

  1. ไม่ควรกินดิบโดยตรง เช่น การทำน้ำผักโขมสด เพราะผักโขมมีกรดออกซาลิก ซึ่งอาจรบกวนการดูดซึมแคลเซียม ควรลวกน้ำร้อนก่อนรับประทานเพื่อลดปริมาณกรดนี้ลง

  2. อย่าต้มผักโขมนานเกินไป เพราะความร้อนจะทำลายวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี

  3. รากผักโขมรากแดงสามารถกินได้ เพียงล้างให้สะอาดและตัดแต่งให้ดี ก็สามารถนำมาปรุงอาหารได้เช่นกัน

  4. หลายคนเชื่อว่าผักโขมกินกับเต้าหู้ไม่ได้ จริงหรือไม่?
    คำตอบคือ “กินได้” แม้ว่าตามทฤษฎีแล้ว กรดออกซาลิกในผักโขมอาจจับกับแคลเซียมในเต้าหู้เกิดเป็นแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ยาก แต่ในกระบวนการปรุงอาหารจริง ปริมาณกรดออกซาลิกจะลดลงอย่างมาก และแคลเซียมในเต้าหู้ส่วนใหญ่ตกผลึกไปแล้ว จึงไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ที่มีผลเสียต่อร่างกาย

แม้จะเกิดปฏิกิริยาเล็กน้อยในระดับห้องทดลอง สารที่เกิดขึ้นก็จะไม่ถูกดูดซึม แต่ถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ จึงไม่ต้องกังวล ผักโขมกับเต้าหู้สามารถกินร่วมกันได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเลือกผักโขมรากแดงหรือรากขาว ก็ล้วนดีต่อสุขภาพทั้งสิ้น เพียงรู้จักวิธีเลือกและปรุงอย่างถูกต้อง คุณก็จะได้ผักที่อร่อย นุ่ม และมีรสหวานธรรมชาติที่ดีต่อร่างกาย.

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่