เนื้อวัวได้รับการยกย่องมานานแล้วว่าเป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยให้โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี และวิตามินบี โดยเฉพาะบี 12 ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ ส่งเสริมการเผาผลาญ และการพัฒนาของกล้ามเนื้อ
อย่างไรก็ตาม หากเนื้อวัวไม่ได้ผสมกันอย่างเหมาะสม คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อวัวก็อาจลดลงและอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารได้ด้วย

ต่อไปนี้เป็นอาหารบางชนิดที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำไม่ให้กินกับเนื้อวัว:
ห้ามรับประทานเนื้อวัวร่วมกับปลาไหล
เนื้อวัวและปลาไหลเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน แต่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน กล่าวกันว่าเมื่อนำมารวมกันจะทำให้เกิด “ความขัดแย้ง” ในกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ยาก
การรับประทานอาหารสองชนิดนี้ร่วมกันเป็นประจำอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และอาจนำไปสู่อาการผิดปกติของระบบย่อยอาหารในระยะยาว สำหรับเด็กเล็กหรือผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ การรับประทานเนื้อวัวและปลาไหลพร้อมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นพิษหรือความเหนื่อยล้า

อย่ากินเนื้อวัวกับน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีน้ำตาลสูงและมีเอนไซม์ธรรมชาติมากมาย เมื่อผสมกับเนื้อวัวซึ่งอุดมไปด้วยโปรตีนและกรดอะมิโน ส่วนประกอบในน้ำผึ้งจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนในเนื้อสัตว์ ทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลง
ส่งผลให้ร่างกายเสี่ยงต่ออาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก โดยเฉพาะในผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่บอบบาง ดังนั้นจึงไม่ควรนำน้ำผึ้งมาหมัก ปรุงอาหาร หรือรับประทานร่วมกับเนื้อวัว
ระวังในการรับประทานเนื้อวัวและชา
นิสัยทั่วไปคือการดื่มชาทันทีหลังอาหารที่มีเนื้อวัว แต่จริงๆ แล้วการดื่มชานั้นไม่ดีต่อร่างกาย ชามีกรดแทนนิก ซึ่งเมื่อรวมกับโปรตีนในเนื้อวัวจะก่อให้เกิดสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำ ขัดขวางการทำงานของลำไส้และทำให้เกิดอาการท้องผูก
นอกจากนี้ แทนนินยังช่วยลดการดูดซึมธาตุเหล็กและไขมันจากเนื้อวัว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รออย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงหลังอาหารก่อนดื่มชา เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร

หมายเหตุการใช้และการถนอมเนื้อวัว
เนื้อวัวเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ควรรับประทานเป็นประจำ ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน นิ่วในไต หรือผู้ที่กำลังพักฟื้นหลังการผ่าตัด ควรจำกัดการบริโภคเนื้อแดง รวมถึงเนื้อวัวด้วย
ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังควรลดปริมาณเนื้อวัวในอาหาร เนื่องจากอาจทำให้เกิดการอักเสบได้นานขึ้น
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าผู้ใหญ่ไม่ควรรับประทานเนื้อแดงปรุงสุกเกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ การปรุงเนื้อวัวให้สุกทั่วถึงไม่เพียงแต่ช่วยฆ่าเชื้อปรสิตและแบคทีเรียเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาความปลอดภัยของลำไส้อีกด้วย
เมื่อปรุงอาหาร เนื้อวัวสามารถนำมาผสมกับผักใบเขียว เช่น ผักกวางตุ้ง กะหล่ำปลี หรือพืชหัว เช่น มันฝรั่งและแครอท ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ช่วยปรับสมดุลโภชนาการและช่วยในการย่อยอาหาร เครื่องเทศ เช่น กระเทียม ขิง และพริกไทย ก็ถือเป็น "คู่หู" ที่ดีของเนื้อวัว ช่วยดับกลิ่นและกระตุ้นต่อมรับรส
การเลือกซื้อเนื้อวัว ควรเลือกเนื้อวัวสดที่มีสีชมพูอมแดง ผิวสัมผัสแห้ง เส้นใยเรียบ และไม่มีกลิ่นเหม็นหรือเมือก หลีกเลี่ยงการซื้อเนื้อวัวที่สัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน ควรเก็บเนื้อวัวไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 0-5°C และควรใช้ให้หมดภายใน 2-3 วัน สำหรับเนื้อวัวแช่แข็ง ควรตรวจสอบวันหมดอายุและเงื่อนไขการเก็บรักษาอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้

































