คลังเอาจริง ตัดสิทธิ 55 ร้านค้ารับแลกเงินสด ‘คนละครึ่งพลัส’ เรียกเงินคืนพร้อมดำเนินคดีถึงที่สุด
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่ง พลัส ว่า จากการติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของร้านค้าในสื่อสังคมออนไลน์ ร่วมกับการวิเคราะห์ธุรกรรมของร้านค้าด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Analytics) กระทรวงการคลังได้ระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการฯ ของร้านค้าแล้วเป็นจำนวน 55 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) เนื่องจากมีพฤติการณ์รับแลกเงินและสแกนรับเงินห่างจุดขายแบบผิดปกติ

“ขอย้ำเตือนว่า กระทรวงการคลังจะดำเนินการเอาผิดกับร้านค้าที่ทุจริตในโครงการฯ อย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ โครงการฯ มีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่รัฐบาลจะร่วมจ่ายค่าสินค้าหรือบริการกับประชาชนเพื่อบรรเทาภาระ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยกับผู้ค้าขายรายเล็กที่สุจริต”
ทั้งนี้ หากร้านค้าและประชาชนมีพฤติการณ์ เช่น รับแลกเงินโดยไม่มีการซื้อขายสินค้ากันจริง สแกนค่าสินค้าต่างจากราคาสินค้าหรือบริการจริง ซื้อขายสินค้าต้องห้าม ให้บริการที่ไม่ได้อยู่ในข่ายประเภทที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นต้น จะนำไปสู่ความเสียหายต่อการดำเนินโครงการฯ และกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลังจะเรียกเงินคืนจากร้านค้าเต็มจำนวนตามที่รัฐได้โอนให้แก่ร้านค้าและดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดต่อไป

นอกจากนี้ ขอย้ำเตือนร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยให้จำหน่ายสินค้าในราคาเดียวกันทั้งกรณีชำระด้วยเงินสด และชำระผ่านโครงการฯ