ในหมู่พี่น้องร่วมสายเลือด คนไหนมักเป็นผู้ที่ “ลำบาก” หรือ “โชคร้าย” มากที่สุด?

ในครอบครัวที่มีลูกหลายคน มักจะมี “พื้นที่คลุมเครือ” ของความสนใจและความ kỳ vọngเสมอ งานวิจัยด้านจิตวิทยาชี้ว่า ลูกคนกลางมักเป็นผู้แบกรับความรับผิดชอบมากที่สุด แต่กลับได้รับความสนใจน้อยที่สุด

งานวิจัยของนักจิตวิทยาชาวสหรัฐฯ เควิน เลแมน ในหนังสือ The Birth Order ระบุว่า เวลาที่พ่อแม่ dànhให้ลูกคนกลางมีน้อยกว่าลูกคนโตประมาณ 25% และน้อยกว่าลูกคนเล็กประมาณ 40%
Ai là người thiệt thòi nhất trong anh chị em, con giữa

เด็กคนกลาง — ผู้เชื่อมโยงทุกอย่าง แต่กลับถูกมองข้ามเสมอ

เด็กคนกลางจำนวนมากเติบโตขึ้นมาพร้อมบทบาท “ผู้ไกล่เกลี่ย” ในครอบครัว ผลสำรวจของสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมเซี่ยงไฮ้ ปี 2022 พบว่า ในกรณีความขัดแย้งระหว่างพี่น้องมากถึง 82% มีลูกคนกลางเป็นผู้เข้ามาจัดการ

พวกเขามีความรับผิดชอบแบบลูกคนโต มีความเข้าใจคนอื่นแบบลูกคนเล็ก แต่กลับไม่ค่อยได้รับการยอมรับ ตัวละครอย่าง “ด็อกซอน” จากซีรีส์เกาหลี Reply 1988 คือภาพแทนที่ชัดเจน—วันเกิดต้องฉลองพร้อมพี่สาว รองเท้าคู่ใหม่ก็ต้องซื้อให้ “น้องชาย” ก่อนเสมอ

ปรากฏการณ์เหล่านี้สะท้อนสิ่งที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเรียกว่า “ภาวะลูกคนกลาง” โดยมีถึง 67% ของเด็กคนกลางที่เรียนรู้การเสียสละก่อนอายุ 12 ปี

แต่ชีวิตก็มีการชดเชยอย่างน่าสนใจ
Ai là người thiệt thòi nhất trong anh chị em, con giữa

งานสำรวจจาก Harvard Business School ในครอบครัวที่มีลูกหลายคนพบว่า อัตราความสำเร็จในการเริ่มต้นธุรกิจของลูกคนกลางสูงกว่าลูกคนโตถึง 18% ความสามารถในการเจรจา ความยืดหยุ่น และการมองเห็นความสมดุลของทรัพยากร—ทักษะที่เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก—กลายเป็นข้อได้เปรียบเมื่อโตขึ้น

ในชีวประวัติของสตีฟ จอบส์ การที่เขาอยู่ “ระหว่างสองโลก” คือครอบครัวจริงและครอบครัวที่รับเลี้ยง ทำให้เขามีมุมมองแบบคนนอก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบของเขา

มีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า เมื่อลูกคนกลางเข้าสู่วัยกลางคน พวกเขามักจัดการความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนได้ดีกว่า และมีอัตราก้าวหน้าในงานสูงกว่าที่คาดการณ์ถึง 27%

เมื่อบทบาทในครอบครัวเริ่มถูกนิยามใหม่

นักบำบัดชาวญี่ปุ่น คาวาอิ ฮายาโอะ เสนอแนวคิด “ลำดับยืดหยุ่น”—เมื่อพี่คนโตมีปัญหา ลูกคนถัดไปจะก้าวขึ้นมารับบทบาทผู้นำโดยธรรมชาติ

ที่ศูนย์ปรึกษาแห่งหนึ่งในปักกิ่ง หญิงชื่อจาง (อายุ 42 ปี) เล่าว่า
“ฉันคือคนซื้อบ้านให้พ่อแม่ ดูแลตอนพวกเขารักษาโรคหนัก แต่พอถึงวันทำพินัยกรรม ก็เพิ่งรู้ว่าบ้านเดิมของครอบครัวโอนให้พี่ชายไปนานแล้ว”

ความจริงอันขมขื่นนี้ทำให้ลูกคนกลางจำนวนมากเริ่มเรียนรู้การตั้งขอบเขตให้ตนเองเมื่อย่างสู่วัยกลางคน—คิดเป็นประมาณ 30%
Ai là người thiệt thòi nhất trong anh chị em, con giữa

แต่ทุกลำดับการเกิดล้วนมี ‘ของขวัญ’ ของตัวเอง

ลูกคนโตมักได้ทรัพยากรมากกว่า
ลูกคนเล็กมักได้รับความเอาใจใส่มากกว่า
แต่ลูกคนกลางสะสม “ความเข้าใจมนุษย์” และ “ปัญญาด้านความสัมพันธ์” — สมบัติล้ำค่าที่ไม่มีตัวเลขใดวัดได้

เหมือนยอดชาจากใบรุ่นสอง ที่ไม่อ่อนเหมือนใบแรก แต่กลับมีความหอมลึกและหวานติดปลายลิ้น

เมื่อเราหยุดใช้คำว่า “เสียเปรียบ” มาเป็นมาตรฐานวัดชีวิต เราจะเห็นว่าคนที่เงียบ ๆ คอยประคับประคองทุกอย่างมาตลอดนั้น แท้จริงคือเสาหลักที่ซ่อนตัวของครอบครัว

และในการพบปะครอบครัวครั้งหน้า ลองสังเกตดูว่า ใครคือคนที่คอยรินน้ำชาให้ทุกคนอย่างเงียบ ๆ—มีโอกาสสูงมากว่า นั่นคือ ลูกคนกลาง ผู้แบกความรักอันเงียบงันแต่มั่นคงที่สุดไว้เสมอ

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่