สุขภาพ 19/12/2025 08:05

หลังอายุ 50 ปี การ “ขี้เกียจ” 4 เรื่องนี้ ยิ่งทำมากเท่าไร ยิ่งช่วยให้สุขภาพดีและอายุยืนขึ้น

เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 50 ปี ร่างกายของมนุษย์จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเสื่อมถอยอย่างเห็นได้ชัด กระบวนการเผาผลาญช้าลง ความแข็งแรงลดลง และความสามารถในการฟื้นฟูของอวัยวะต่าง ๆ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในช่วงเวลานี้ การดูแลสุขภาพไม่ใช่การทำให้มากหรือบังคับตัวเองด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด แต่คือการรู้จัก “ปล่อยวาง” ให้ถูกจังหวะ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระบุว่า หลายคนหลังอายุ 50 ปี สุขภาพดีขึ้นอย่างชัดเจน เพียงแค่ “ขี้เกียจ” บางพฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย ต่อไปนี้คือ 4 เรื่องที่แนะนำให้ “ขี้เกียจ” ลง เพื่อช่วยยืดอายุและยกระดับคุณภาพชีวิต

1. “ขี้เกียจ” นอนดึก – ปกป้องหัวใจและความจำ

การนอนดึกเป็นพฤติกรรมที่พบได้ในทุกช่วงวัย แต่สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี ผลเสียจากการนอนหลับไม่เพียงพอจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น นาฬิกาชีวภาพเปลี่ยนแปลง ความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์และการควบคุมฮอร์โมนลดลง

การนอนดึกทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอลมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของความดันโลหิต โรคหัวใจ และความจำเสื่อม อีกทั้งยังลดคุณภาพของการนอนหลับลึก ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่สมองและอวัยวะต่าง ๆ ได้ฟื้นฟูหลังจากทำงานมาทั้งวัน

แพทย์แนะนำว่า ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ควรเข้านอนเร็ว นอนให้เพียงพอ และรักษาเวลาชีวิตให้สม่ำเสมอ การ “ขี้เกียจ” นอนดึกไม่เพียงทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่ยังช่วยให้จิตใจสดใส และลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา

2. “ขี้เกียจ” ดื่มชาเข้ม – ลดภาระของหัวใจและกระเพาะอาหาร
Image preview

ชาถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาโดยตลอด เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ายิ่งชงเข้มยิ่งดี โดยเฉพาะในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ

ชาเข้มมีคาเฟอีนสูง อาจกระตุ้นระบบประสาท ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันแปรปรวน และรบกวนการนอนหลับ สำหรับผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ ความดันโลหิต หรือปัญหาการนอน การดื่มชาเข้มอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ คาเฟอีนยังกระตุ้นกระเพาะอาหาร เพิ่มความเสี่ยงท้องอืด ย่อยยาก หรือระบบย่อยอาหารแปรปรวน หลังอายุ 50 ปี ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง การ “ขี้เกียจ” ดื่มชาเข้ม แล้วเปลี่ยนเป็นชาจาง น้ำอุ่น หรือเครื่องดื่มสมุนไพรอ่อน ๆ จะช่วยให้ร่างกายสบายและสมดุลมากขึ้น

3. “ขี้เกียจ” ดื่มแอลกอฮอล์ – ถนอมตับ ปกป้องสมอง

เบียร์และสุราเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น ตับอักเสบ โรคตับแข็ง โรคหัวใจ และความเสียหายของสมอง เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถในการเผาผลาญและขับแอลกอฮอล์ของร่างกายจะลดลง ทำให้สารพิษตกค้างในเลือดนานขึ้น

สิ่งนี้ไม่เพียงเพิ่มภาระให้ตับ แต่ยังส่งผลต่อความจำ สมาธิ และการตอบสนองของสมอง งานวิจัยจำนวนมากพบว่า ผู้สูงอายุที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและภาวะสมองเสื่อม

ดังนั้น การ “ขี้เกียจ” ดื่มเบียร์สุรา ลดให้เหลือน้อยที่สุด หรือหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุดอย่างหนึ่งหลังอายุ 50 ปี ช่วยให้ตับได้พักผ่อน นอนหลับลึกขึ้น และมีสติปลอดโปร่งในชีวิตประจำวัน

4. “ขี้เกียจ” กินเนื้อแดงและอาหารหมักดอง – ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
thit-do-la-gi-loi-ich-va-tac-hai-cua-thit-do-202110141712127674

ยิ่งอายุมาก ระบบย่อยอาหารยิ่งทำงานช้าลงและไวต่ออาหารมันจัด รสจัด เนื้อแดงและอาหารหมักดองแม้จะคุ้นเคยในมื้ออาหาร แต่หากบริโภคบ่อย อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

เนื้อแดงมีไขมันอิ่มตัวและเกลือสูง เพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดแข็ง ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนอาหารหมักดองมักมีไนไตรต์ ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นสารที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเมื่อบริโภคเป็นเวลานาน

หลังอายุ 50 ปี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ “ขี้เกียจ” กินอาหารเหล่านี้ แล้วหันไปเลือกปลา เนื้อขาว ผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช และผลไม้สด อาหารรสอ่อนช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานสบายขึ้น พร้อมทั้งช่วยควบคุมน้ำหนักและระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่