เคล็ดลับ 27/10/2025 19:13

ตากผ้าแบบนี้ก็รอป่วยอย่างเดียวเลย หลายคนก็รู้นะ แต่ก็ยังดื้อทำผิดอยู่

🇹🇭 การตากผ้าอย่างถูกวิธี

การทำให้ผ้าแห้งเป็นสิ่งที่ต้องทำในทุกวัน
หากใช้วิธีการตากหรืออบผ้าอย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า และป้องกันการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ผ้าแห้งและสบายเมื่อสวมใส่

อย่างไรก็ตาม หลายคนยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการตากผ้า
การตากผ้าด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ไม่เพียงแต่ทำให้เสื้อผ้าเสียหายเร็วขึ้น แต่ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพอีกด้วย

1. หากตากผ้าแบบนี้ คุณอาจป่วยได้!

การตากในที่ร่ม

คำว่า “ตากในที่ร่ม” หมายถึงการปล่อยให้ผ้าแห้งตามธรรมชาติในที่ที่มีอากาศถ่ายเท แต่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง
หลายคนชอบวิธีนี้ เพราะไม่ทำร้ายเนื้อผ้า และช่วยให้ผ้าแห้งตามธรรมชาติได้ดี

แต่การตากผ้าในที่ร่มนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และการระบายอากาศ
ไม่ควร “ตากในที่ร่มแบบสุ่มสี่สุ่มห้า” เพราะอาจทำให้ผ้ามีกลิ่นอับได้ง่าย

phơi quần áo, vi khuẩn

สาเหตุที่ผ้ามีกลิ่นอับ เนื่องจากความชื้นสะสมเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย

นอกจากกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว การสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่แห้งดีอาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา เกิดอาการคัน เป็นผื่น หรือแพ้ผิวหนังได้
บางกรณีอาจสูดดมสปอร์ของเชื้อราเข้าไปในร่างกาย และทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจได้ด้วย

ดังนั้นจึงไม่ควรเลือกวิธีตากผ้าโดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม
เช่น หากคุณอยู่ในภาคใต้ ฤดูฝน หรือวันที่ฝนตกต่อเนื่อง อากาศไม่ถ่ายเทดี — วิธีตากผ้าในที่ร่มแบบนี้จะไม่เหมาะสม

2. อย่าทิ้งผ้าที่ซักแล้วไว้ในถังหรือเครื่องซักผ้านานเกินไป

หลายคนใจร้อน หลังจากซักผ้าเสร็จแล้ว ก็ออกไปข้างนอกหรือเข้านอน ปล่อยให้ผ้าที่ซักไว้ค้างอยู่ในเครื่องจนถึงวันรุ่งขึ้น

เมื่อผ้าที่เปียกอยู่ในถังหรือเครื่องซักผ้า ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่อับและชื้น จุลินทรีย์อย่างแบคทีเรียและไวรัสสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

มีการวิจัยพบว่า ในสภาพอากาศที่ชื้นและไม่มีการระบายอากาศดี แบคทีเรียสามารถขยายตัวได้เร็วขึ้น 3-4 เท่าจากปกติ
พูดง่าย ๆ คือ หากปล่อยผ้าไว้ในเครื่องซักผ้านานเกินไป แบคทีเรียและเชื้อราจะเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้ผ้ามีกลิ่นเหม็นอับ และอาจสกปรกยิ่งกว่าก่อนซักอีกด้วย

ดังนั้น หลังจากซักผ้าเสร็จ ควรนำไปตากทันที ไม่ควรเกิน 3 ชั่วโมง
หากเลยเวลานี้แล้ว ควรซักผ้าใหม่อีกครั้งเพื่อความสะอาด

3. หากผ้ามีกลิ่นอับ ควรทำอย่างไร?

เมื่อผ้ามีกลิ่น นั่นหมายความว่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้เจริญเติบโตแล้ว
แม้จะนำไปตากหรืออบแดดอีกครั้ง กลิ่นอับก็อาจไม่หายไป

วิธีที่ดีที่สุดคือ ซักผ้าใหม่อีกครั้ง เพื่อขจัดแบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นอับอย่างหมดจด

4. หากไม่สามารถตากผ้าให้โดนแดดได้ ควรทำอย่างไร?

(1) วิธีแขวนผ้าแบบตัว V กลับหัว

หากต้องการให้ผ้าแห้งเร็ว วิธีการแขวนผ้าก็มีความสำคัญมาก
ควรใช้ “วิธีแขวนผ้าแบบตัว V กลับหัว” หมายถึง แขวนเสื้อผ้ายาวไว้ปลายสองข้าง และเสื้อผ้าสั้นไว้ตรงกลาง ให้เป็นรูปตัว V กลับหัว
ข้อดีของวิธีนี้คือ ช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

(2) ใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้ง

หลังจากจัดผ้าแบบตัว V แล้ว สามารถเปิดพัดลมเป่าผ้าได้ด้วย
จะช่วยให้อากาศหมุนเวียนมากขึ้น และเร่งการแห้งของผ้า

phơi quần áo, vi khuẩn

(3) ใส่น้ำยาฆ่าเชื้อระหว่างซักผ้า

สาเหตุหลักของกลิ่นอับคือแบคทีเรียและเชื้อรา
เมื่อซักผ้า ควรเติมน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำยาฆ่าแบคทีเรียเล็กน้อย เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่น หากผ้าไม่ได้แห้งทันที

(4) ใช้เครื่องอบผ้า

หากอยู่ในพื้นที่ฝนตกบ่อย เช่น ภาคใต้ สามารถนำผ้าที่ซักแล้วเข้าเครื่องอบได้โดยตรง
วิธีนี้จะช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

(5) ใช้ “ตู้อบผ้า”

แม้ราคาตู้อบจะค่อนข้างสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว
เพียงแขวนผ้าไว้ในตู้ อบประมาณ 2 ชั่วโมง ผ้าก็จะแห้งและสะอาดเหมือนตากแดด

(6) ใช้ “ไดร์เป่าผม + ถุงพลาสติก” เพื่ออบผ้าแบบเร่งด่วน

หากรีบใช้เสื้อผ้า สามารถใช้ไดร์เป่าผมร่วมกับถุงพลาสติกได้

เริ่มจากใช้ผ้าขนหนูแห้งวางบนโต๊ะ แล้ววางเสื้อผ้าเปียกทับลงไป จากนั้นม้วนแล้วบีบเบา ๆ เพื่อซับความชื้นออก
ต่อมาเตรียมถุงพลาสติก และเจาะรูเล็ก ๆ ที่ก้นถุง 2 รู เพื่อให้อากาศร้อนระบายออก
ใส่เสื้อผ้าเข้าไปในถุง แล้วเว้นช่องไว้สำหรับสอดปลายไดร์เป่าผมเข้าไป

สุดท้ายเปิดไดร์เป่าผม และเป่าลมร้อนเข้าไปในถุง วิธีนี้คล้ายกับเครื่องอบผ้าขนาดย่อม สามารถทำให้เสื้อผ้าแห้งภายใน 10–20 นาทีเท่านั้น

5. ชาวเน็ตนิยมตากผ้าด้วยวิธีไหนกันบ้าง?

(1) ราวตากผ้าแบบพับเก็บได้ติดระเบียง

ราวตากผ้าแบบท่อเลื่อน สามารถติดตั้งไว้ที่ระเบียงหรือหน้าต่างได้
เมื่อดึงออกมา จะเพิ่มพื้นที่สำหรับตากผ้าได้มาก เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผ้าหลายชิ้น

นอกจากช่วยเพิ่มพื้นที่ตากแล้ว ยังมีข้อดีอีกอย่างคือ สามารถตากผ้าให้โดนแสงแดดโดยตรง
ซึ่งช่วยให้ผ้าแห้งเร็วและฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย

(2) ราวตากผ้าแบบแขวนยื่นออกจากหน้าต่าง

ในย่านชุมชนเก่า หลายบ้านนิยมใช้ราวตากผ้าแบบยื่นออกมาจากหน้าต่างหรือระเบียง
สามารถใช้ตากผ้า ผ้าห่ม หรือผ้าปูที่นอนได้อย่างสะดวก
เมื่อมองจากด้านนอก จะเห็นผ้าหลากสีพลิ้วไหวตามลม เป็นภาพที่น่าทึ่งมาก

(3) ราวตากผ้าแบบพับได้ติดผนัง

ราวตากผ้าประเภทนี้สามารถเจาะและติดตั้งไว้ที่ผนังด้านนอกได้อย่างมั่นคง
สามารถยืดหรือหดได้ตามต้องการ เหมาะกับการตากผ้าของทั้งครอบครัว

เมื่อไม่ใช้งาน ก็สามารถพับเก็บได้ ไม่เปลืองพื้นที่เลย

(4) ราวตากผ้าแบบท่อเลื่อนหลายชั้น

มีให้เลือกหลายขนาด เช่น ลดราคา 20% หรือ 30% ตามจำนวนสมาชิกในบ้าน
ราวหนึ่งชั้นสามารถแขวนเสื้อได้ 8 ตัว
สองชั้นแขวนได้ 16 ตัว และสามชั้นแขวนได้ถึง 24 ตัว

หากใช้ตะขอเหล็กเล็ก ๆ แขวนเพิ่มเติม ก็สามารถเพิ่มจำนวนเสื้อผ้าหรือถุงเท้าได้อีกด้วย

สรุปท้ายบทความ

การตากผ้าให้แห้งก็ถือเป็น “ศาสตร์” อย่างหนึ่ง
เพื่อให้ผ้าไม่มีกลิ่นอับ และเพื่อสุขภาพของคนในบ้าน
อย่าตากผ้าแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ควรเลือกวิธีให้เหมาะกับสภาพอากาศและพื้นที่

หากตอนนี้คุณยังใช้วิธีตากผ้าที่ไม่ถูกต้อง ควรรีบปรับเปลี่ยนเสียตั้งแต่วันนี้
เพราะ “ผ้าที่สะอาด แห้งสนิท และไม่มีกลิ่นอับ” คือจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีในทุกวัน

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่