สุขภาพ 29/10/2025 11:40

5 สมุนไพรพื้นบ้านในครัวและสวนที่ใครๆ ก็มี แก้ปวดหลังได้ผล

ใช้ประโยชน์จากแนวทางการรักษาที่บ้านต่อไปนี้เพื่อบรรเทาอาการปวดชั่วคราว:

1. มักเวิร์ต

ส่วนผสมของโกฐจุฬาลัมภา ได้แก่ น้ำมันหอมระเหยซิเนออล, ดีไฮโดรมาทริคาเรียเอสเทอร์, ไตรโคซานอล, อาร์คลี... ทั้งหมดเหล่านี้มีคุณสมบัติในการรักษาโรคเส้นประสาทและโรคไขข้อ...

ว่างเปล่า

วิธีใช้:ล้างใบโกฐจุฬาลัมภา ผัดกับน้ำส้มสายชูหรือย่างไฟอ่อน โรยใบตองสดลงบนเตียง วางใบโกฐจุฬาลัมภาผัดไว้ด้านบน จากนั้นนอนหงาย พิงหลังลงบนใบโกฐจุฬาลัมภา หรือนอนคว่ำ ประคบใบโกฐจุฬาลัมภาอุ่นๆ ที่เอว

หมายเหตุ:หลีกเลี่ยงการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ผู้ที่มีภาวะพร่องความร้อนและหยิน ความดันโลหิตสูง และสตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้

2. พริกขี้หนู

ตามตำรายาแผนโบราณ พริกเป็นยาแผนโบราณที่สามารถรักษาอาการปวดและป้องกันหวัดได้ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังวิเคราะห์ว่าพริกมีสารแคปซิเคน ซึ่งกระตุ้นสมองให้หลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งมีฤทธิ์ระงับความรู้สึกและบรรเทาอาการปวด คุณสามารถใช้ใบพริกหรือผลพริกในการรักษาอาการปวดหลังได้

หวาน

วิธีใช้ :พริกขี้หนูสุก 15 เม็ด ใบมะละกอ 3 ใบ รากพริก 80 กรัม ทุบพอแหลก แช่ในแอลกอฮอล์อัตราส่วน 1/2 ใช้ประคบหลังส่วนล่างทุกครั้งที่มีอาการปวด

หรือใบพริกขี้หนู 50 กรัม ล้าง บด คั่ว เติมไวน์เล็กน้อย ห่อด้วยถุงผ้า แล้วนำมาประคบบริเวณที่ปวดขณะที่ยายังร้อนอยู่ เปลี่ยนยาวันละครั้ง เมื่อยาเย็นลงแล้ว สามารถคั่วซ้ำอีก 1-2 ครั้ง

3. ขิงสด

ตามตำราแพทย์แผนตะวันออก ขิงมีคุณสมบัติในการอุ่นไต ส่งเสริมการไหลเวียนโลหิต และบำรุงพลังชี่ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังวิจัยและพิสูจน์แล้วว่าสารรสเผ็ดในขิงมีคุณสมบัติในการต่อต้านออกซิเดชัน ทำให้เกิดอาการชา และลดอาการปวดได้ทันที โดยเฉพาะอาการปวดหลัง

กระจกเงา

วิธีใช้:ใช้ขิงสด 20 กรัม หัวหอมใหญ่บด 15 กรัม เติมแป้งสาลี 30 กรัม คั่วจนร้อน นำมาทาบริเวณที่ปวด แล้วปิดแผลด้วยผ้าพันแผล เปลี่ยนยาวันละครั้ง

4. ใบพลู

ตามตำรายาแผนโบราณ ใบพลูมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ และต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้รักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเรื้อรัง ปวดหลัง ปวดข้อ และปวดกระดูก

อาการปวดหลัง

วิธีใช้:รับประทานใบแห้ง 8-12 กรัม หรือใบสด 20-30 กรัม ต้มดื่มทุกวัน ไม่ควรดื่มติดต่อกันนานเกินไป หลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน หากอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดรับประทานและเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น

5. โสม

ตามตำรายาแผนโบราณ รากโสมมีรสหวาน ขมเล็กน้อย เย็น มีฤทธิ์ในการชำระล้างหลอดเลือดและฟื้นฟูเลือด วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังวิจัยและพบว่ารากโสมประกอบด้วยกลูโคไซด์ แอลกอฮอล์ ไตรเทอร์เพนซาโปนิน กรดอะมิโน 13 ชนิด เช่น ไลซีน ซิสเทอีน เมไทโอนีน วิตามินบี1...

นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่ารากของต้นโสมมีสรรพคุณเช่นเดียวกับโสม ราก ลำต้น และกิ่งของต้นโสมสามารถนำมาใช้รักษาอาการปวดหลัง เข่าอ่อนแรง หรือโรคไขข้อได้

พระราชวัง

วิธีใช้:ใช้โสม 20-30 กรัม ต้มให้เดือดแล้วดื่มวันละ 3 ครั้ง สามารถใช้ร่วมกับรากเฟเวอร์ฟิว ไมยราบ และชะเอมเทศได้

หมายเหตุ:ควรตัดรากโสมอายุ 4-5 ปี หรือเก่ากว่าออก ตัดรากเล็กทั้งราก ตัดเฉพาะเปลือกนอกของรากใหญ่ที่ติดกับลำต้น ควรหั่นราก ลำต้น และกิ่งโสมเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแห้งในที่ร่มเย็นเพื่อรักษารสชาติ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด อย่าใช้รากโสมมากเกินไป เพราะอาจทำให้มึนเมาได้

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่