สุขภาพ 08/11/2025 16:20

เปิดผลวิจัย ผู้ป่วยมะเร็งกว่า 900 ราย พบสัญญาณเหล่านี้ ตั้งแต่ 6 เดือนก่อนตรวจพบ

เปิดผลวิจัย: ผู้ป่วยมะเร็ง กว่า 900 ราย พบสัญญาณเหล่านี้ตั้งแต่ 6 เดือนก่อนตรวจพบ

Image preview

บทนำ

ผลการศึกษาใหม่พบว่า ภายในประชากรผู้ป่วย มะเร็ง จำนวนมาก มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างทั้งในด้าน พฤติกรรมการใช้บริการสุขภาพและอาการเริ่มต้น ที่ปรากฏชัดเจนตั้งแต่ก่อนที่จะมีการวินิจฉัยโรคอย่างเป็นทางการมากกว่า 6 เดือน โดยเฉพาะในกลุ่มมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งส่งสัญญาณว่า หากมีความตระหนักและตรวจสอบแต่เนิ่นๆ อาจเปิดโอกาสให้การวินิจฉัยเร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

เนื้อหาผลการศึกษา

  • การทบทวนงานวิจัยจำนวน 28 ชิ้น พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งหลายรายเริ่มมี การใช้บริการ สุขภาพ (โรงพยาบาล/คลินิก/ประกัน) หรือพบการสั่งตรวจ/สั่งยาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ก่อนการวินิจฉัยโรคอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 6 เดือน 

  • งานวิจัยชี้ว่า สำหรับมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่, เนื้องอกสมอง, และ มัลติเพิลมายอโลมา อาจมีช่วง ‘หน้าต่าง’ ที่สามารถวินิจฉัยได้เร็วกว่านั้นอีก 

  • ผลลัพธ์ชี้ว่า “สัญญาณ” ที่พบได้ก่อนวินิจฉัยอาจไม่ใช่เฉพาะอาการที่ชัดเจน เช่น ก้อนเนื้อหรือเลือดออก แต่รวมถึงการเข้าโรงพยาบาลบ่อยขึ้น, การสั่งตรวจบ่อยขึ้น, การเริ่มมีการใช้ยาหรือปรับเปลี่ยนการรักษา

สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต

Nâng cao công tác chăm sóc sức khỏe nhân dân | Thông Tin Đối Ngoại - Ban  Tuyên giáo Trung ương

แม้ว่างานวิจัยไม่ได้ให้รายการ “อาการ” ครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยทุกคน แต่สามารถสรุปได้ว่า หากมีสิ่งเหล่านี้ ควรให้ความสนใจ :

  • จำนวนครั้งในการไปพบแพทย์หรือคลินิกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไปพบด้วยอาการที่ไม่ชัดเจน เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง, น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจ

  • มีการตรวจหรือสั่งยาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ เช่น การตรวจเลือดซ้ำ, เจาะเลือดหลายครั้ง หรือเริ่มใช้ยาใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน

  • อาการผิดปกติที่ไม่หายไปภายในเวลานาน เช่น อาการปวดเรื้อรัง, รู้สึกผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร หรือเริ่มมีอาการโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

  • การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมสุขภาพที่แปลกไป เช่น การนอนหลับแบบผิดปกติ, มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ

ความหมายเชิงคลินิกและสาธารณสุข

  • การพบสัญญาณเตือนไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน มีความหมายว่า หากระบบสาธารณสุขและแพทย์มีแนวทางเฝ้าระวังที่ดีขึ้น อาจ ลดเวลาในการวินิจฉัย และเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในระยะเริ่มต้น 

  • อย่างไรก็ตาม การนำไปปฏิบัติจริงอาจถูกจำกัดด้วยอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง (non-specific symptoms) ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นโรคทั่วไปหรือภาวะทั่วไป จึงต้องอาศัยระบบคัดกรองและแนวทางแพทย์ทางเลือก เพิ่มเติม

  • สำหรับผู้ป่วยหรือบุคคลทั่วไป ควรมีความตระหนักในการสังเกต การเปลี่ยนแปลงสุขภาพที่แตกต่างจากปกติอย่างชัดเจน และหากมีการใช้บริการสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่อธิบายได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างรอบคอบ

ข้อจำกัดของงานศึกษา

  • งานวิจัยส่วนใหญ่เป็นการทบทวนข้อมูลการใช้บริการสุขภาพ (health-care utilisation) ไม่ได้เจาะลึกว่าเป็นอาการเฉพาะของมะเร็งชนิดใด ๆ โดยตรง 

  • แม้จะพบการเปลี่ยนแปลงก่อนวินิจฉัย แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนที่มีอาการเช่นนั้นจะเป็นมะเร็งหรือควรวิตกอย่างรุนแรง แต่ควรใช้เป็นสัญญาณเตือนเพื่อประเมินร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

  • การนำไปใช้ในทางคลินิกยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อกำหนด “สัญญาณที่มีนัยสำคัญ” และแนวทางการตรวจคัดกรองที่เหมาะสม

สรุป

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ผู้ป่วย มะเร็ง หลายรายมีสัญญาณเปลี่ยนแปลงในการใช้บริการสุขภาพ, การตรวจ หรืออาการเตือนต่าง ๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการมากกว่า 6 เดือน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการตรวจพบและรักษาในระยะแรก หากบุคคลทั่วไปและระบบสุขภาพมีความตระหนักและจัดการได้ดี อาจช่วยลดภาระโรคและเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตได้สูงขึ้น

ขอแนะนำให้ผู้อ่านหมั่นสังเกตสุขภาพของตนเอง หากมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อธิบายได้ควรปรึกษาแพทย์อย่างรวดเร็ว

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่