
สารก่อม.ะ.เ.ร็.งชนิดหนึ่งถูกประกาศแล้ว WHO เรียกร้องให้หยุดบริโภค โปรดบอกพ่อแม่ของคุณหลังจา
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และการเดินทาง ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ “อาหาร” ถือว่าสำคัญที่สุด การรับประทานอาหารที่เหมาะสมและมีสารอาหารครบถ้วน เป็นเงื่อนไขพื้นฐานในการรักษาสุขภาพที่ดี และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์สามารถทำกิจกรรมทางสรีรวิทยาได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยระดับการครองชีพที่ดีขึ้นในยุคปัจจุบัน โครงสร้างของอาหารเฉลี่ยต่อคนได้รับการปรับปรุงอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ประสบปัญหาโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการรับประทานอาหารอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลเสียต่ออวัยวะภายในอย่างรุนแรง
คำกล่าวที่ว่า “โรคเกิดจากปาก” นั้นเป็นความจริง ทุกวันนี้ โรคหัวใจและโรคเมตาบอลิซึมหลายชนิดที่มีอัตราการเกิดสูง มักเกิดจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี การรับประทานมากเกินไป หรือกินแบบเกินขีดจำกัดในระยะยาว จะเพิ่มภาระให้กับอวัยวะภายใน ร่างกายได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และการบริโภคอย่างต่อเนื่องก็อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง
องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยทำการสำรวจและวิจัย และได้จัดทำ “รายชื่อสารก่อมะเร็ง” อย่างละเอียด บางทีคุณอาจอยากรู้ว่ามีอาหารที่คุณชอบอยู่ในนั้นหรือไม่ หลังจากอ่านแล้ว อย่าลืมบอกให้ครอบครัวของคุณรู้ด้วยนะ
1. “สารก่อมะเร็งระดับที่ 1” ที่องค์การอนามัยโลกประกาศ — อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin)
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้อะฟลาท็อกซินอยู่ในกลุ่ม “สารก่อมะเร็งระดับที่ 1” ซึ่งเป็นสารพิษที่มีความเป็นอันตรายสูงมาก สารนี้มีวงแหวนไดฟูแรนที่สามารถเปลี่ยนเป็นสารเมตาโบไลต์ชนิดอีพ็อกซี ซึ่งมีความสามารถในการก่อมะเร็งและกลายพันธุ์สูง ความเป็นพิษของอะฟลาท็อกซินแรงกว่า “สารหนู” ถึง 68 เท่า เป็นรองเพียง “สารพิษโบทูลินัม” ถือเป็นสารพิษจากเชื้อรา (mold toxin) ที่ร้ายแรงที่สุดที่รู้จักในปัจจุบัน
อะฟลาท็อกซินและเชื้อราที่ผลิตมันมีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ มีความสามารถในการแบ่งตัวและแปรสภาพสูง องค์การอนามัยโลกได้จัดชื่อสารเหล่านี้ว่า B1, B2, M1, M2 และ G1 โดยที่ B1 เป็นชนิดที่มีพิษและก่อมะเร็งมากที่สุด
เมื่อสัตว์กินอาหารที่ปนเปื้อนอะฟลาท็อกซิน จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ไต กล้ามเนื้อ และเลือด และอาจนำไปสู่โรคมะเร็งร้ายแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
อะฟลาท็อกซินพบมากในธัญพืชและน้ำมันที่ปนเปื้อน รวมถึงผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองหรืออาหารจากพืชและสัตว์ โดยเฉพาะถั่วลิสง ข้าวโพด มันเทศ และเมล็ดแตงโมที่ขึ้นราและเสียหาย ซึ่งมีปริมาณอะฟลาท็อกซินสูงที่สุด การรับประทานอะฟลาท็อกซินเพียง 20 กรัมอาจทำให้เสียชีวิตได้
2. ลักษณะพิษของอะฟลาท็อกซิน B1 ที่พบในอาหาร
อะฟลาท็อกซิน B1 มีลักษณะพิษสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
การก่อมะเร็ง (Carcinogenicity)
อะฟลาท็อกซินมีความสามารถในการก่อมะเร็งสูงมาก การรับประทานอาหารที่มีอะฟลาท็อกซินในปริมาณมากเป็นเวลานาน จะทำให้ตับถูกทำลายถาวรและนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับ
นอกจากนี้ยังสามารถก่อให้เกิดเนื้องอกในสัตว์หลายชนิด เช่น ปลา สัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยง เป็นอันตรายต่อ สุขภาพของประชาชนอย่างกว้างขวาง อาจทำให้เกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งมดลูก และมะเร็งเต้านม เป็นต้น
พิษเฉียบพลัน (Acute Toxicity)
การบริโภคอาหารที่มีอะฟลาท็อกซินในปริมาณสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ตับแตก เลือดออกในตับ ตับแข็ง มะเร็งตับ และการเสื่อมสลายของเนื้อตับ ซึ่งเพิ่มภาระให้กับระบบทางเดินอาหารอย่างมาก
พิษเรื้อรัง (Chronic Toxicity)

3. องค์การอนามัยโลกเตือนให้หยุดกินอาหารต่อไปนี้ — อย่าลืมบอกพ่อแม่ของคุณหลังจากอ่านจบ
อะฟลาท็อกซินมักพบในอาหารที่ขึ้นราและเสื่อมสภาพ การประหยัดเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนจีน แต่การประหยัดมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและถึงชีวิตได้ องค์การอนามัยโลกจึงเตือนว่า ควรหยุดกินอาหารที่มีอะฟลาท็อกซินสูงต่อไปนี้โดยเร็วที่สุด
(1) เมล็ดแตงโมและถั่วลิสง (เมล็ดและถั่ว)
ในช่วงตรุษจีนหรือเทศกาลต่าง ๆ ครอบครัวส่วนใหญ่มักเตรียมเมล็ดแตงโมและถั่วลิสงไว้จำนวนมาก แม้จะเป็นของกินเล่นที่อร่อย แต่หลายคนคงเคยเจอ “เมล็ดขม” ระหว่างกิน
องค์การอนามัยโลกระบุว่า เมล็ดที่มีรสขมมักมีอะฟลาท็อกซินอยู่ในปริมาณสูง หากเผลอกินเข้าไป ควรถ่มทิ้งทันที แล้วบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดเพื่อขจัดเชื้อราในปาก ป้องกันไม่ให้สารพิษอะฟลาท็อกซินเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและทำลายตับได้
(2) ถั่วลิสงขึ้นรา
ถั่วลิสงที่เก็บไว้ในที่ชื้นและเย็นเป็นเวลานานจะเกิดราและอับชื้นได้ง่าย ถั่วลิสงที่ขึ้นราจะสร้างอะฟลาท็อกซินในปริมาณมาก เมื่อพบว่าถั่วในบ้านขึ้นรา มีจุดสีขาวหรือเขียว ควรทิ้งทันที อย่านำมารับประทาน เพราะสารพิษจากราจะส่งผลโดยตรงต่อตับและสุขภาพโดยรวม
(3) มันเทศเสีย (มันเทศเน่า)
มันเทศเป็นธัญพืชที่ได้รับความนิยม แต่เมื่อเก็บไว้นาน มักจะเกิดราและจุดดำบนผิว สาเหตุของจุดดำเหล่านี้คือการเกิดสารคีโตนและแอลกอฮอล์คีโตนในมันเทศ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะกับตับ
การกินมันเทศที่ขึ้นราจะทำให้ร่างกายดูดซึมอะฟลาท็อกซินในปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ย่อยยาก ชาแขนขา และอาจเกิดพิษในร่างกายได้
(4) เห็ดหูหนูแช่น้ำนาน (ม็อกหนี่)
เห็ดหูหนูเองไม่เป็นพิษ แต่หากแช่น้ำนานเกินไปจะเริ่มเน่าและเกิดราได้ง่าย การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดพิษอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย และในกรณีร้ายแรงอาจทำให้เกิด “ภาวะอวัยวะล้มเหลวหลายระบบ” และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
คำเตือน: เวลาแช่เห็ดหูหนูไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง
(5) น้ำมันพืชที่ผลิตจากโรงงานขนาดเล็ก
ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทคงคุ้นเคยกับ “น้ำมันคั้นเอง” จากโรงงานเล็ก ๆ ซึ่งราคาถูกกว่า แต่เพื่อประหยัดต้นทุน โรงงานเหล่านี้มักนำถั่วลิสงที่ขึ้นรามาคั้นน้ำมัน ทำให้มีอะฟลาท็อกซินในปริมาณสูงกว่ามาตรฐานหลายเท่า ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพ
4. ทำไมอะฟลาท็อกซินถึงเป็นอันตรายต่อตับ?
อะฟลาท็อกซินถือเป็นสารพิษจากเชื้อราที่ร้ายแรงที่สุด เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะส่งผลโดยตรงต่อการเผาผลาญและระบบกรองของร่างกาย ผ่านทางการไหลเวียนของเลือด สารพิษนี้จะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะพิษเรื้อรัง ส่งผลให้ตับทำงานหนัก การเผาผลาญและการขับสารพิษลดลง ค่าการทำงานของตับ (เอนไซม์ทรานซามิเนส) สูงขึ้นอย่างมาก และอาจนำไปสู่โรคตับร้ายแรงได้
การรับประทานอาหารที่มีอะฟลาท็อกซินในปริมาณมากภายในระยะสั้น อาจทำให้เกิดพิษเฉียบพลันต่อร่างกายได้
แต่หากบริโภคในปริมาณน้อยเป็นเวลานาน ก็จะทำให้เกิดพิษเรื้อรัง ซึ่งทั้งสองกรณีล้วนส่งผลเสียต่อการทำงานของตับ ทำให้ตับฟื้นฟูได้ช้าลง และอาจนำไปสู่โรคตับแข็งหรือภาวะตับวาย
เนื่องจากเส้นประสาทรับความเจ็บปวดในตับมีเพียง 3–5% ดังนั้น แม้ตับจะเริ่มป่วยก็มักจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน ทำให้หลายคนมองข้ามไป และเมื่อรู้ตัวอีกที โรคก็มักจะอยู่ในระยะรุนแรงแล้ว
องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเตือนประชาชนว่า เพื่อสุขภาพของตัวเอง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ขึ้นราและเสื่อมสภาพ อย่าประหยัดเกินไปจนทำร้ายสุขภาพในระยะยาว และเกี่ยวกับสารก่อมะเร็งในระดับสูงสุดนี้ ขอให้ทุกคนบอกต่อกับพ่อแม่และคนในครอบครัว เพื่อเรียนรู้และป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง
บทความในหมวดเดียวกัน


พริกที่ซื้อมาห้ามเอาเข้าตู้เย็นทันที เก็บรักษาแบบนี้จะทำให้พริกสดใหม่ได้นานทั้งปี

พิสูจน์ความจริง! 4 อาหารที่ถูกเข้าใจผิดว่า “อันตรายต่อสุขภาพ”

5 สัญญาณมะเร็งเต้านมที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน — แต่อย่ามองข้ามเด็ดขาด

ร่างกายของคุณกำลังร้องขอความช่วยเหลือ — อย่ามองข้ามสัญญาณการขาดสารอาหารที่ซ่อนอยู่เหล่

สัญญาณเตือนเล็กน้อยของหลอดเลือดอุดตัน และวิธีทำให้หลอดเลื.อดกลับมาโล่งตามธรรมชาติ

นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากในการกินไข่ทุกวัน

สาววัย 26 ปีไ.ตวายเฉี.ยบพลัน 3 ครั้งใน 2 ปี: 2 สิ่งนี้ถูกแพทย์ใส่ใน "บัญชีดำ" แต่หลายคนยังใช้อยู่บ

ลู.ก 3 ขวบ อาเจียนฉั.บ หมอเผย "กิน" อะไรเข้าไป แม่ใจสลาย ปรี.ต.บหน้าผัวทันที

หญิงอายุ 58 ปี กินแต่ "ข้าวโพดต้ม" 3 มื้อต่อวัน หลังจากผ่านไป 1 ปี ไปตรวจสุขภาพ กลับได้รับผลลัพธ

ม.ะ.เ.ร็.งไม่เจ็บปวดในระยะแรก แต่หากพบ 8 สัญญาณนี้ขณะเข้าห้องน้ำ ควรรีบตรวจสุขภาพโดยเร็ว อย

พืชที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ทั้งใช้เป็นเครื่องปรุงและเป็นสมุนไพรชั้นยอดเพื่อสุขภาพ

ผลไม้ 2 ชนิดที่เซลล์มะ.เร็.งชอบมาก

หมอนที่ใช้มานานจนแฟบและเหลืองซีด แค่แช่กับของราคาถูกอย่างหนึ่ง ก็กลับมาขาวฟูและนุ่มเหม

หมอญี่ปุ่น เผยแค่กิน 2 สิ่งนี้ใน “มื้อเช้า” เคล็ดลับ น้ำหนักไม่ขึ้นตลอด 20 ปี แถมช่วยกำจัดไขม

ทำไมคุณถึงควรเสียบกุญแจไว้ที่ประตูก่อนเข้านอน?

มีคนไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมลำต้นของต้นไม้ถึงถูกทาสีขาว

เขียงไม้ขึ้นรา ล้างด้วยน้ำยาล้างจานยิ่งพัง! ใช้วิธีง่าย ๆ แบบนี้ แค่ 5 นาทีก็สะอาดเหมือนใหม

ถ้าเห็นถั่วงอกมี 4 ลักษณะแบบนี้ ไม่ว่าจะขายที่ไหนก็อย่าเผลอซื้อมากินเด็ดขาด
บทความใหม่

เวลาเช็ดพื้นบ้าน อย่าลืมใส่สิ่งนี้ลงไปในน้ำ พื้นจะไม่เกาะฝุ่น แถมสะอาดเอี่ยมได้ทั้งสัปด

ผู้เสีย.ชี.วิ.ต.จ.าก “ไ.ต.ว.า.ย” เพิ่มขึ้นทุกปี — หมอเตือน 6 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำถ้าอยากรักษาไตใ

ไร้เจ้าภาพงานกฐิน รักษาการเจ้าอาวาสทุกข์หนักบอกบุญญาติโยมช่วยวัดกันดาร พระป่วยอาพาธ

พริกที่ซื้อมาห้ามเอาเข้าตู้เย็นทันที เก็บรักษาแบบนี้จะทำให้พริกสดใหม่ได้นานทั้งปี

พนักงานทำกำไลหยกแตกกว่า 30 วง — แต่การรับมือของเจ้าของร้านชาวจีนกลับไม่คาดคิด

พิสูจน์ความจริง! 4 อาหารที่ถูกเข้าใจผิดว่า “อันตรายต่อสุขภาพ”

5 สัญญาณมะเร็งเต้านมที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน — แต่อย่ามองข้ามเด็ดขาด

ผักราคาถูกแต่แคลเซียมสูงกว่านม กินบ่อยสุขภาพกระดูกดี

ร่างกายของคุณกำลังร้องขอความช่วยเหลือ — อย่ามองข้ามสัญญาณการขาดสารอาหารที่ซ่อนอยู่เหล่

พายุ “เฟิงเฉิน” จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม! กรมอุตุฯ เตือนอีสานฝนฟ้าคะนอง – ใต้ระวังฝนถล่มหนัก 22–26

สัญญาณเตือนเล็กน้อยของหลอดเลือดอุดตัน และวิธีทำให้หลอดเลื.อดกลับมาโล่งตามธรรมชาติ

เทน้ำร้อนลงอ่างล้างจาน: การกระทำที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่ซ่อนอยู่สองความเสี่ยงใหญ่!

นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากในการกินไข่ทุกวัน

"แมท ภีรนีย์" โพสต์คลิปน่าเอ็นดู "ลูกชายสนิทกับคุณยายมาก"

"นุสบา" เล่าจุดเริ่มต้น "น้องปุณณ์" อยากเรียนหมอเพราะมีแวว แต่คุณปู่เคยห้าม

จีบกันหรือเปล่า? "เป้ย ปานวาด" กับพระเอกหนุ่มรุ่นน้อง คอมเมนต์กันไปมาแบบนี้!

“เป็กกี้ ศรีธัญญา” โพสต์ภาพโชว์ความสำเร็จ พร้อมพูดถึงเรื่องราคาทองที่เปลี่ยนแปลง

สาววัย 26 ปีไ.ตวายเฉี.ยบพลัน 3 ครั้งใน 2 ปี: 2 สิ่งนี้ถูกแพทย์ใส่ใน "บัญชีดำ" แต่หลายคนยังใช้อยู่บ
