ความจริง 21/12/2025 14:30

5 อุปกรณ์ที่ควรถอดปลั๊กเมื่อไม่ได้ใช้งาน ระวังค่าไฟพุ่งไม่รู้ตัว

ในช่วงฤดูร้อน ค่าไฟฟ้าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายครอบครัว เนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และเครื่องปรับอากาศและพัดลมทำงานตลอดเวลา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า อย่าลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานทุกครั้ง และตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านของคุณเสมอ

ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 5 ชนิดที่ผู้ใช้มักเสียบปลั๊กทิ้งไว้ ทำให้ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น หากคุณต้องการประหยัดค่าไฟในแต่ละเดือน อย่าลืมตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้และถอดปลั๊กเมื่อไม่ได้ใช้งาน

เครื่องทำน้ำอุ่น

ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน หลายครอบครัวก็ยังคงใช้น้ำร้อนในชีวิตประจำวันเป็นประจำ เครื่องทำน้ำอุ่นมักมีระบบฉนวนกันความร้อน เมื่อน้ำร้อนถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เครื่องจะเปลี่ยนไปสู่โหมดฉนวนกันความร้อน เมื่ออุณหภูมิน้ำลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ เครื่องทำน้ำอุ่นจะเริ่มทำงานอีกครั้ง แม้ว่าเครื่องทำน้ำอุ่นจะช่วยให้เราใช้น้ำร้อนได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในกระบวนการทำความร้อนนั้นก็มีจำนวนมาก

5 อุปกรณ์ที่คุณต้องถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น - ภาพที่ 1

ควรปิดเครื่องทำน้ำอุ่นทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงานไฟฟ้า (ภาพ: 360.doc)

ตัวอย่างเช่น เครื่องทำน้ำอุ่นขนาด 2000 วัตต์ ที่ทำความร้อนน้ำโดยอัตโนมัติวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง จะใช้ไฟฟ้า 3-4 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อวัน ตามอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ นี่ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงสำหรับครัวเรือนใดๆ ก็ตาม อย่างไรก็ตาม การปิดเครื่องทำน้ำอุ่นหรือถอดปลั๊กเมื่อไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมาก

กาต้มน้ำไฟฟ้า

น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดในบ้านคือ กาต้มน้ำไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้ว กาต้มน้ำไฟฟ้าใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองนาทีในการต้มน้ำให้เดือด ดังนั้นจึงกินไฟมาก

5 อุปกรณ์ที่คุณต้องถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น - ภาพที่ 2

แม้ว่าจะไม่ได้ต้มน้ำ แต่กาต้มน้ำไฟฟ้าก็ใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก (ภาพ: 360.doc)

หลายคนมักเสียบปลั๊กกาต้มน้ำไฟฟ้าทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าอย่างมากและอาจส่งผลต่อการทำงานที่ถูกต้องของเครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้าได้ ดังนั้น หากคุณไม่ได้ใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าต้มน้ำเป็นประจำ ควรดึงปลั๊กออกจะดีที่สุด

เตาไฟฟ้า

คุณเคยคิดบ้างไหมว่าหม้อหุงข้าวของคุณยังคงใช้ไฟฟ้าอยู่แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งาน? ทุกวันนี้หลายคนขี้เกียจที่จะถอดปลั๊กหม้อหุงข้าวหลังจากหุงเสร็จแล้ว หากหม้อหุงข้าวเสียบปลั๊กทิ้งไว้ นอกจากจะสิ้นเปลืองไฟฟ้าแล้ว ยังทำให้ขดลวดความร้อนเสียหายอีกด้วย หลังจากใช้งานไปสักระยะ ขดลวดความร้อนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือดำ ส่งผลต่อการทำงานปกติและลดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า

5 อุปกรณ์ที่คุณต้องถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น - ภาพที่ 3

การถอดปลั๊กหม้อหุงข้าวหลังใช้งานจะช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดไฟฟ้า (ภาพ: 360.doc)

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน จึงควรดึงปลั๊กหม้อหุงข้าวออกทุกครั้งหลังใช้งาน

เตาไมโครเวฟ

เมื่ออุ่นอาหาร ครอบครัวสมัยใหม่มักใช้เตาไมโครเวฟ จากการศึกษาพบว่า เมื่อเตาไมโครเวฟอยู่ในโหมดสแตนด์บาย การใช้ไฟฟ้าอาจสูงถึง 1.1486 แอมแปร์ ซึ่งหมายความว่าการใช้ไฟฟ้าต่อวันอาจสูงถึง 0.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง หรือประมาณ 24 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อเดือน

5 อุปกรณ์ที่คุณต้องถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น - ภาพที่ 4

แม้จะเสียบปลั๊กอยู่ เตาไมโครเวฟก็ยังใช้ไฟฟ้าปริมาณมากอยู่ดี (ภาพ: 360.doc)

ในหนึ่งปี เตาไมโครเวฟสามารถใช้ไฟฟ้าได้เกือบ 300 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่ปริมาณน้อยเลย ดังนั้น หากคุณต้องการประหยัดพลังงานไฟฟ้า เพียงแค่ถอดปลั๊กเตาไมโครเวฟหลังจากใช้งานเสร็จ

เราเตอร์ Wi-Fi

ปัจจุบันเกือบทุกครอบครัวใช้อินเทอร์เน็ต และเราเตอร์ Wi-Fi ก็ติดตั้งอยู่ในบ้านส่วนใหญ่ การคำนวณแสดงให้เห็นว่าเราเตอร์ Wi-Fi ใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างสูง บางเครื่องใช้พลังงานมากกว่าหลอดไฟในบ้านหลายเท่า ด้วยการใช้พลังงานสูงเช่นนี้ ทำให้ค่าไฟฟ้าต่อเดือนสูงมาก

5 อุปกรณ์ที่คุณต้องถอดปลั๊กเมื่อไม่ใช้งานเพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น - ภาพที่ 5

คุณควรปิดอุปกรณ์ Wi-Fi เมื่อออกจากบ้าน (ภาพ: 360.doc)

ที่จริงแล้ว หากคุณต้องการยืดอายุการใช้งานเราเตอร์ Wi-Fi คุณสามารถปิดและถอดปลั๊กออกเมื่อคุณออกไปทำงาน วิธีนี้ไม่เพียงแต่ประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่ยังช่วยให้เราเตอร์ Wi-Fi ใช้งานได้นานขึ้นด้วย

นอกจากเราเตอร์ Wi-Fi แล้ว หากคุณมีเครื่องรับสัญญาณดิจิทัล คุณควรดึงปลั๊กออกเมื่อไม่ได้ใช้งานด้วย เพราะมันใช้พลังงานค่อนข้างมาก

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่