เชิญแฟนเก่ามางานแต่งงาน เจ้าสาวตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของเจ้าบ่าวว่าเป็น "ประเพณีของครอบครัว"

เจ้าบ่าวกล่าวว่า ครอบครัวของเขามีประเพณีที่ต้องเชิญแฟนเก่ามาร่วมงานแต่งงาน และถือว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทหากไม่เชิญ

 

 

 

เจ้าสาวเล่าว่าเธอกับ อเล็กซ์ (30 ปี) หมั้นกันมา 1 ปี และกำลังวางแผนจัดงานแต่งงาน

"ฉันหมั้นกับอเล็กซ์มา 1 ปี และกำลังเตรียมงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นช่วงปลายฤดูร้อน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ครอบครัวของเขาทิ้ง 'ระเบิดลูกใหญ่' ใส่ฉัน" เจ้าสาวกล่าว

ครอบครัวของอเล็กซ์มีความใกล้ชิดกันมากและเข้ามามีส่วนร่วมในแผนการจัดงานแต่ง

ไม่นานมานี้ เจ้าสาวพบว่าครอบครัวฝ่ายชายได้เชิญซาราห์—แฟนเก่าของอเล็กซ์—มาร่วมงานแต่งงานโดยไม่ได้ปรึกษาฝ่ายเจ้าสาวเลย

อเล็กซ์และซาราห์เคยคบกันมานานถึง 5 ปี ทั้งสองฝ่ายครอบครัวต่างรู้จักกันดี พวกเขาเลิกรากันเมื่อกว่า 2 ปีก่อน

"แม้ว่าพวกเขาจะเลิกรากันไปแล้ว แต่ยังคงเป็นเพื่อนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยที่แฟนเก่าของเขาจะปรากฏตัวในงานแต่งงานของฉัน" เจ้าสาวกล่าว

เธอโกรธมากจึงไปพูดคุยกับเจ้าบ่าว และเขาอธิบายว่านี่เป็น "ประเพณีของครอบครัว"

"ครอบครัวของเรามีธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องเชิญแฟนเก่ามาร่วมงานแต่ง ถ้าไม่เชิญจะถือว่าเสียมารยาท" อเล็กซ์อธิบาย

อย่างไรก็ตาม เจ้าสาวไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ เธอมองว่าการให้แฟนเก่ามาร่วมงานแต่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย

เธอรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของครอบครัวฝ่ายชาย ขณะที่เจ้าบ่าวมองว่าเจ้าสาวเห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล และไม่สนใจความรู้สึกของครอบครัวเขา

สุดท้าย เจ้าสาวตัดสินใจยกเลิกงานแต่งงาน

"ฉันยกเลิกทุกแผนการและล้มเลิกงานแต่ง เพราะฉันไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ไม่เคารพความรู้สึกของฉันในเรื่องสำคัญเช่นนี้" เธอกล่าว

มีสมาชิกบางคนในครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ แต่ก็มีบางคนที่คิดว่าเธอทำเกินไป

เรื่องราวของเธอถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียและได้รับความสนใจอย่างมาก หลายคนสนับสนุนการตัดสินใจของเจ้าสาว

"ทำไมครอบครัวเจ้าบ่าวถึงส่งคำเชิญโดยไม่บอกเจ้าสาว?"
"บางทีครอบครัวเจ้าบ่าวอาจจะชอบแฟนเก่าของเขามากกว่า"
"นี่เป็นความผิดของเจ้าบ่าว ถ้าเขาอยู่ข้างเจ้าสาวและไม่ปล่อยให้พ่อแม่เชิญแฟนเก่าเข้ามา เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น"

---

ทำไมบางคนยังคงติดต่อกับแฟนเก่า?

1. เพราะยังรักอยู่

ความรู้สึกไม่ได้หายไปทันทีหลังจากที่เลิกรา บางคนรู้สึกเสียดายหรือยังมีความขัดแย้งในใจเกี่ยวกับการเลิกรา

บางครั้ง การพูดคุยหรือแม้กระทั่งการมีความสัมพันธ์ทางกาย อาจเป็นวิธีทดสอบว่าพวกเขาควรกลับมาคืนดีกันหรือไม่

2. มีแนวคิด "ถ้าไม่รักก็เป็นเพื่อนกันได้"

เมื่อตอนที่เคยคบกัน ทั้งสองฝ่ายเคยเชื่อใจกันและพึ่งพากันทางอารมณ์

หากทั้งสองฝ่ายสามารถเป็นเพื่อนกันได้จริง ๆ ก็ดีมาก

แต่หากความสัมพันธ์นั้นยังคงมีแรงดึงดูดทางอารมณ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความเป็นเพื่อนอาจเป็นเพียงข้ออ้างในการรักษาความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่

3. ความโหยหาการสัมผัสทางกาย

หลังจากเลิกรา บางครั้งร่างกายยังโหยหาความใกล้ชิดทางกายกับแฟนเก่า

ตามหลักวิทยาศาสตร์ การสัมผัสทางกายมีความจำเป็นต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

การสัมผัสช่วยเพิ่มความสุขในชีวิต เพราะเมื่อเราใกล้ชิดกัน ร่างกายจะหลั่งออกซิโทซิน (oxytocin) ซึ่งเป็น "ฮอร์โมนแห่งความรัก" ออกมา

บางคนรู้สึกว่าแฟนเก่ามีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อคำขอทางกายมากกว่าคนแปลกหน้า

---

ควรรักษาความสัมพันธ์กับแฟนเก่าหรือไม่?

การติดต่อกับแฟนเก่ามักมาพร้อมกับปัญหาและข้อขัดแย้งทางศีลธรรม

สิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น

• คุณและแฟนเก่าโสดหรือไม่?

• ทำไมถึงยังต้องการติดต่อกัน?

• คู่รักปัจจุบันของคุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?

ไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องพิจารณาแรงจูงใจของตัวเอง

หากคุณใช้แฟนเก่าเป็น "ทางเลือกสำรอง" การติดต่อกับพวกเขาอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ปัจจุบันของคุณ

งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าคนที่ยังคิดถึงแฟนเก่า มักจะมีความพึงพอใจในคู่รักปัจจุบันลดลงตามเวลา

Zahabiya Bambora นักจิตวิทยาจาก Hope Qure กล่าวว่าการติดต่อกับแฟนเก่าไม่ใช่ปัญหาหากคู่รักปัจจุบันของคุณรับรู้และยอมรับได้

แต่ถ้าไม่ ควรพิจารณาตัดความสัมพันธ์กับแฟนเก่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต