
โรคหัดทำอะไรกับร่างกายของคุณ
โรคหัดเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสที่สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เกิดจากไวรัสหัดที่แพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม และยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนทั่วโลก แม้ว่าจะมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงก็ตาม การเข้าใจว่าโรคหัดทำอะไรกับร่างกายของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญในการตระหนักถึงความร้ายแรงของโรคและความสำคัญของการฉีดวัคซีน
เมื่อไวรัสหัดเข้าสู่ร่างกาย มักผ่านทางจมูกหรือปาก มันจะเริ่มทำซ้ำในส่วนหลังของลำคอ ปอด และระบบน้ำเหลือง ระยะฟักตัวจะใช้เวลาประมาณ 10 ถึง 14 วัน ในช่วงนี้ผู้ติดเชื้อมักไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว เมื่อไวรัสแพร่กระจาย มันเริ่มกดทับระบบภูมิคุ้มกันและทำให้เกิดอาการต่างๆ
อาการแรกของโรคหัดคล้ายกับอาการของหวัดทั่วไป ได้แก่ ไข้สูง ไอ น้ำมูก ตาแดงและน้ำตาไหล อาการที่บ่งชี้เฉพาะของโรคหัดคือการปรากฏของ จุดโคปลิก ซึ่งเป็นจุดสีขาวเล็กๆ ที่พบภายในปาก โดยปกติจะอยู่ที่เยื่อบุด้านในของแก้ม ปรากฏขึ้นหนึ่งหรือสองวันก่อนที่ผื่นลักษณะเฉพาะจะปรากฏ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผื่นสีแดงและเป็นจุดๆ จะเริ่มปรากฏขึ้น โดยเริ่มจากใบหน้าและค่อยๆ แพร่กระจายลงไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ผื่นนี้มักอยู่ประมาณห้าถึงหกวัน ในช่วงนี้ ไข้สามารถสูงมากถึง 104°F (40°C) เลยทีเดียว ผื่นและไข้ที่ไม่สบายเหล่านี้เป็นเพียงสัญญาณภายนอกของความเสียหายที่โรคหัดกำลังทำภายในร่างกาย
หนึ่งในผลกระทบที่อันตรายที่สุดของโรคหัดคือการ กดทับระบบภูมิคุ้มกัน ไวรัสจะทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการต่อสู้กับการติดเชื้อ ผลกระทบจากการกดทับระบบภูมิคุ้มกันนี้อาจอยู่ได้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนหลังจากที่อาการภายนอกหายไป ทำให้บุคคลนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆ ที่เคยมีภูมิคุ้มกันมาก่อน
โรคหัดยังสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้รวมถึง ปอดบวม ท้องเสียรุนแรง การติดเชื้อหู และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบของสมองที่อาจทำให้สมองเสียหายถาวรหรือเสียชีวิต ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเข้าถึงโภชนาการและการดูแลสุขภาพมีจำกัด โรคหัดสามารถทำให้เสียชีวิตได้มากยิ่งขึ้น ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก โรคหัดทำให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่า 136,000 รายทั่วโลกในปี 2022 โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
ผลกระทบระยะยาวของโรคหัดก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน ภาวะที่หายากแต่ร้ายแรงที่เรียกว่า โรคสมองอักเสบชนิดซับอคิวท สเคอโรซิง (SSPE) สามารถพัฒนาได้หลายปีหลังจากที่บุคคลนั้นหายจากโรคหัด SSPE เป็นความผิดปกติของสมองที่ทำให้เกิดการเสื่อมถอยทางสติปัญญา ชัก และในที่สุดเสียชีวิต แม้ว่าจะหายาก แต่ภาวะนี้แสดงให้เห็นว่าไวรัสหัดสามารถเป็นอันตรายได้แม้หลังจากการติดเชื้อครั้งแรก
ข่าวดีคือโรคหัดสามารถป้องกันได้ วัคซีน MMR ซึ่งป้องกันโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากกว่า 97% หลังจากได้รับวัคซีนสองโดส การฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายไม่เพียงแต่ปกป้องบุคคล แต่ยังช่วยสร้าง ภูมิคุ้มกันฝูง ซึ่งลดโอกาสในการระบาดและปกป้องผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีน aus medical reasons
สรุปแล้ว โรคหัดไม่ใช่แค่โรคที่พบในเด็ก แต่เป็นโรคร้ายแรงและบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิตที่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันและอวัยวะอื่นๆ ได้ การเข้าใจว่าโรคหัดทำอะไรกับร่างกายของคุณควรเป็นเครื่องเตือนใจที่แข็งแกร่งถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนและความพยายามด้านสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่กระจาย
บทความในหมวดเดียวกัน


ฉันเรียนรู้จากคุณหมอญี่ปุ่นว่า การกิน 3 อาหารนี้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ

ลดความเสี่ยงโรคตับ 50% ผู้เชี่ยวชาญเผยเคล็ดลับการกินง่ายๆ

ทิปเพื่อสุขภาพดี: นี่คือผัก 6 ชนิดที่เปรียบเสมือน "เกราะป้องกัน" ม.ะเ.ร็.ง ทุกคนควรรู้

9 อาหารห้ามกินคู่กัน เสี่ยง ‘เกิดพิษ’ ในร่างกาย: แพทย์เตือนควรหลีกเลี่ยง

หยุดกินไข่ 4 ประเภทนี้ทันที ไม่เช่นนั้นอาจทำลายตับและไต ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

5 สัญญาณที่บอกว่าหัวใจของคุณกำลัง ‘มีปัญหา’

7 สัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวานที่คุณไม่ควรมองข้าม

กินแบบญี่ปุ่น: 3 อาหาร “ต้านมะเร็ง” และยืดอายุขัย ประเทศไทยมีครบ แถมราคาถูก!

หนึ่งเดือนก่อนหัวใจวาย ร่างกายของคุณจะเตือนด้วย 5 สัญญาณนี้ โดยเฉพาะสัญญาณที่ 3

ขนมปัง "อร่อย ดี ถูก" แต่ มีคน 4 กลุ่มนี้ ที่ไม่ควรรับประทาน

หมอเตือนแล้ว! หากพบเปลือกไข่มี 4 ชั้นนี้ ให้ทิ้งมันทันที อย่าคิดประหยัดจนทำให้ตัวเองเสี่ย

6 อาการในตอนเช้าที่ไม่ควรมองข้าม สัญญาณเตือนโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น

คุณควรรู้ว่ามีผักอยู่ 4 ชนิดที่เป็น “แหล่งอาศัยของพยาธิ” แต่หลายคนยังนิยมกินสด

4 เมนูต้องห้าม ห้ามกินเด็ดขาดหากเก็บค้างคืน

3 ความผิดปกติที่ขา ระวังไว้ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิดปกติในร่างกายคุณ (อาจเป็นมะเร็ง)

5 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดความดันโลหิตได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ที่คุณสามารถเริ่มทำได้ทันที

มะเร็งกระเพาะอาหารส่วนใหญ่มักถูกตรวจพบในระยะท้าย 5 สัญญาณเตือนเบื้องต้นที่คุณควรใส่ใจ

ผลไม้ 5 ชนิดที่เป็น ‘ราชามะเร็ง’ ขึ้นบัญชีดำเพราะมีปรสิตและสารพิษมากมาย
บทความใหม่

คำสอนจากบรรพบุรุษ: 4 ต้นไม้ที่ปลูกหน้าบ้านทำให้ยากจน แต่ปลูกหลังบ้านช่วยเก็บทรัพย์ เงินทอ

ลักษณะของใบหูบอกได้ว่าคุณเป็นคนเปิดเผยหรือเก็บตัว

สัปดาห์ใหม่เปิดโอกาสทอง: 3 ราศีรับโชคลาภ การงาน และความรักที่สดใส

บรรพบุรุษเตือน: 'เข้าบ้านเจอ 3 สิ่งนี้ ครอบครัวแตกแยก ยากจะร่ำรวย' สิ่งนั้นคืออะไร?

5 นักษัตรที่โชคลาภพูนสุข ความสุขล้นมือในเดือน 5 จีน

ผู้หญิงเพียงแค่เตรียมตัวเงียบๆ 3 ปี โลกทั้งใบจะต้องมองคุณด้วยสายตาที่ต่างออกไป!

12 ราศีกับ ‘นิสัยลับ’ ที่คนไม่ค่อยรู้ – เปิดเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ลึกในใจ

4 ราศีที่ ‘ความรัก’ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมากในปี 2025 – โอกาสหรือบททดสอบ?

12 ราศีกับวิธีจัดการกับความเครียดที่ใช่สำหรับตัวคุณ: เคล็ดลับผ่อนคลายจิตใจตามสไตล์แต่ละร

4 ราศีที่ ‘ความกลัว’ กำลังขวางทางสู่ความสำเร็จ – เรียนรู้ที่จะก้าวข้าม

5 ราศีที่ ‘เพื่อนรัก’ กลายเป็น ‘ศัตรู’ – ระวังมิตรแท้ปลอมตัว

4 ราศีที่ความรักมักมาพร้อม ‘บทเรียนเจ็บปวด’ แต่ทำให้คุณโตขึ้น

ราศีทั้ง 3 นี้มี “ความโชคดีทางลูกหลาน” ครอบครัวกลมเกลียว ลูกหลานกตัญญู อนาคตสดใส

จุดเปลี่ยนปี 2025: ราศีใด 4 ราศีที่จะเป็นจุดสนใจพร้อมโอกาสทอง?

ถอดรหัสความเสน่ห์อันไม่อาจต้านทาน: 5 ราศีที่ “หมื่นคนรัก”

นับจากเทศกาลเต๊ดโดนหง่อ 4 นักษัตรนี้จะได้รับการเกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ เทพเจ้าแห่งโชค

โบราณว่าไว้: "บ้านใดมี 3 สิ่งนี้ ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรือง คนในบ้านจะมั่งมีศรีสุข" – สิ่งนั้น

เดือน 5 และ 6 นี้ เทพเจ้าโชคลาภเรียกชื่อ! 3 ปีนักษัตรเฮงจัด เห็นทองทางตะวันออก สัมผัสเงินทางต

คุณเห็นอะไรเป็นอย่างแรก? บ่งบอกว่าคุณเป็นคนสิ้นหวังหรือมองโลกในแง่ดี
