ไข่ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ราคาประหยัด และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกครัวเรือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า “ไข่บางประเภท” หากรับประทานบ่อยเกินไป หรือบริโภคไม่ถูกวิธี อาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายตับและไตของคุณได้โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพพื้นฐาน หรือผู้สูงอายุที่ระบบการกรองของเสียเริ่มเสื่อมถอย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ไต เตือนว่า มีไข่อยู่ 4 ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยงหรือลดให้น้อยที่สุด หากยังรักสุขภาพและต้องการถนอมการทำงานของอวัยวะภายในสำคัญเหล่านี้ไว้ให้นานที่สุด

1. ไข่ดิบหรือไข่สุกไม่เต็มที่

ไข่ดิบ หรือไข่ที่สุกเพียงบางส่วน เช่น ไข่ลวก ไข่ยางมะตูม มีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย หรือในบางรายอาจลุกลามไปถึงตับและไต โดยเฉพาะผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ดังนั้นควรปรุงให้ไข่สุกเต็มที่ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย

2. ไข่ที่ผ่านการหมักหรือดองเป็นเวลานาน

เช่น ไข่เยี่ยวม้า หรือไข่เค็มบางประเภท แม้จะมีรสชาติอร่อยและนิยมในอาหารหลายชนิด แต่ไข่ประเภทนี้มักมีปริมาณโซเดียมสูงมาก การบริโภคเป็นประจำสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง ไตเสื่อม และภาวะบวมน้ำในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังหรือโรคตับที่ต้องจำกัดโซเดียมอย่างเข้มงวด

3. ไข่ที่เก็บไว้นานเกินไป

ไข่ที่เก็บไว้นานเกิน 2-3 สัปดาห์ หรือไข่ที่เก็บในอุณหภูมิไม่เหมาะสม จะเริ่มเสื่อมคุณภาพและอาจปนเปื้อนเชื้อโรคโดยที่ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ การบริโภคไข่เหล่านี้เป็นประจำจะเพิ่มภาระให้กับตับและไตในการกรองสารพิษ และอาจทำให้เกิดการอักเสบสะสมในระยะยาว

4. ไข่จากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย

ในปัจจุบันมีไข่จากฟาร์มที่ไม่ได้มาตรฐานวางขายจำนวนมาก ซึ่งอาจมีการใช้สารเร่งฮอร์โมน หรือมีการปนเปื้อนยาปฏิชีวนะ หากรับประทานเข้าไปเป็นเวลานาน จะสะสมในร่างกายและส่งผลเสียต่อการทำงานของตับและไตในที่สุด โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุที่ระบบขับพิษทำงานได้ไม่เต็มที่

---

สรุป

ไข่แม้จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์ แต่การเลือกรับประทานอย่างชาญฉลาดก็สำคัญไม่แพ้กัน เพื่อปกป้องตับและไตของคุณจากการเสื่อมสภาพ ควรหลีกเลี่ยงไข่ 4 ประเภท ได้แก่ ไข่ดิบ ไข่หมักดอง ไข่เก่า และไข่จากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย หันมารับประทานไข่ต้มสุกใหม่ ๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้คุณได้รับโปรตีนคุณภาพ โดยไม่เสี่ยงต่อโรคร้ายในอนาคต