สุขภาพ 22/10/2025 00:00

ชายวัย 28 ไตอักเสบ กินกระเทียมทุกวัน 5 เดือน หมอต้องตรวจซ้ำอีกครั้งด้วยความตกตะลึง

หนุ่มวัย 28 ป่วย “ไตอักเสบเรื้อรัง” กินกระเทียมทุกวันหวังรักษาโรค แต่ผลตรวจหลัง 5 เดือนทำแพทย์อึ้ง

เชื่อว่ากระเทียมคือ “ยาวิเศษ” และถูกขนานนามว่าเป็น “ยาปฏิชีวนะธรรมชาติ” ชายหนุ่มวัย 28 ปีจึงตัดสินใจกินทุกวันหวังรักษาโรคไตของตัวเอง ทว่าผลลัพธ์หลัง 5 เดือนกลับทำแพทย์ถึงกับตกใจเมื่อเห็นผลตรวจ

นายหลี่ วิศวกรไอทีจากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตอักเสบเรื้อรังระหว่างตรวจสุขภาพประจำปี หลังรู้ผล เขาหันไปค้นคว้า “วิธีรักษาด้วยธรรมชาติ” ผ่านสื่อออนไลน์ และเชื่อว่ากระเทียมสามารถช่วยฟื้นฟูไตได้ จึงเริ่มกินกระเทียมสดวันละ 3 กลีบ ทุกมื้อจะต้องมีกระเทียมสับเป็นส่วนประกอบ และถึงขั้นพกกระเทียมส่วนตัวไปกินเวลาออกไปร้านอาหาร
Mẹo bóc tỏi nhanh, không ám mùi lên tay – Mộc Riêu Nướng - Mộc Lai Rai Quán

ตลอด 5 เดือนที่ทำเช่นนั้น เมื่อกลับไปตรวจอีกครั้ง แพทย์ถึงกับถามด้วยความตกใจว่า “ช่วงที่ผ่านมา คุณทำอะไรกับร่างกายตัวเองบ้าง?”

กินกระเทียมมากเกินไป เสี่ยง “ไตทำงานหนัก” และ “หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน”

แพทย์อธิบายว่า สารอัลลิซิน (Allicin) ในกระเทียมมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและช่วยลดการอักเสบเล็กน้อยจริง แต่ไม่สามารถรักษาโรคไตอักเสบเรื้อรังได้ การบริโภคมากเกินไปกลับยิ่งเพิ่มภาระให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้กระบวนการเผาผลาญในร่างกายผิดปกติ

นอกจากนี้ กระเทียมยังมีโพแทสเซียมสูง — เพียง 100 กรัมให้ถึง 620 มิลลิกรัมโพแทสเซียม สำหรับผู้ป่วยโรคไต การขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายทำได้ยาก เมื่อสะสมมากจะเสี่ยง “โพแทสเซียมในเลือดสูง” ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นเฉียบพลันได้ โดยตลอด 5 เดือน นายหลี่ได้รับโพแทสเซียมเฉลี่ยเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เกินกว่าระดับปลอดภัยมาก

อาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยง

  • อาหารเค็มหรือมีโซเดียมสูง: เช่น ของดอง เนื้อรมควัน อาหารแปรรูป หรือแม้แต่ขนมปังและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งอาจมีโซเดียมแฝงสูง
  • อาหารที่มีโปรตีนจากพืชมาก: อย่างถั่วเหลือง เต้าหู้ หรือเครื่องดื่มจากถั่ว แม้มีประโยชน์แต่ย่อยยาก ทำให้ไตต้องทำงานหนัก
  • อาหารที่มีพิวรีนสูง: เช่น อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ หรือซุปกระดูก ที่เพิ่มระดับกรดยูริกและเสี่ยงต่อโรคเกาต์

4 หลักสำคัญในการดูแลสุขภาพไต

  • รับประทานโปรตีนอย่างพอเหมาะ: เลือกโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ นม หรือเนื้อไม่ติดมัน ปริมาณควรอยู่ที่ 0.6–0.8 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวต่อวัน
  • ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม: ไม่ควรดื่มครั้งละมาก ๆ รวมปริมาณวันละ 1.5–2 ลิตร แบ่งดื่มระหว่างวัน
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: ตรวจปัสสาวะทุกเดือน และตรวจการทำงานของไตรายไตรมาส เพื่อติดตามความผิดปกติ
  • รักษาพฤติกรรมการนอนพักผ่อน: เข้านอนก่อน 23.00 น. และพักกลางวันสั้น ๆ ช่วยลดภาระของไต

บทเรียนจากชายหนุ่มผู้เชื่อใน “ยาธรรมชาติ”

หลังจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์และปรับวิธีรักษาอย่างถูกต้อง ค่าการทำงานของไตของนายหลี่ค่อย ๆ กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เรื่องของเขาเป็นตัวอย่างเตือนใจสำหรับผู้ที่ยังหลงเชื่อว่าการกินอาหารบางชนิดจะรักษาโรคได้

ความจริงคือ “ไม่มีอาหารใดเป็นยาวิเศษ” หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม แม้แต่ของดี ก็อาจกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามแนวทางทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อให้สุขภาพฟื้นกลับมาอย่างปลอดภัย

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่