ความจริง 19/10/2025 01:34

ลิ้นเหลืองไม่ใช่เรื่องเล็ก! อาจเป็นสัญญาณเตือน 5 โรคร้ายในร่างกาย

หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นว่าลิ้นของตัวเองมีสีเหลือง หรือเคลือบหนาโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งแม้จะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ในทางการแพทย์ “ลิ้น” ถือเป็นกระจกสะท้อนสุขภาพภายในร่างกายได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลิ้นเหลือง” ที่อาจกำลังบอกเราว่ามีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นภายใน


🔍 ลิ้นเหลืองเกิดจากอะไร?

โดยทั่วไป ลิ้นควรมีสีชมพูอ่อนและผิวเรียบสะอาด แต่เมื่อกลายเป็นสีเหลือง แสดงว่ามีการสะสมของแบคทีเรียหรือสารคัดหลั่งในช่องปาก ซึ่งอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น

  • สุขอนามัยในช่องปากไม่ดี แปรงลิ้นไม่สะอาด

  • การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

  • การดื่มน้ำน้อย ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญได้ดี

  • การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด

  • ความผิดปกติของอวัยวะภายใน เช่น ตับหรือกระเพาะอาหาร

หากลิ้นเหลืองเป็นเพียงชั่วคราว มักไม่อันตราย แต่ถ้าเป็นต่อเนื่องหรือมีอาการร่วมอื่น เช่น ปากแห้ง กลิ่นปาก หรืออ่อนเพลีย ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายต่อไปนี้


⚠️ 5 โรคที่อาจซ่อนอยู่หลัง “ลิ้นเหลือง”

1. โรคตับ

ตับมีหน้าที่กรองสารพิษในร่างกาย หากตับทำงานผิดปกติจะเกิดการสะสมของสารเหลือง (บิลิรูบิน) จนเห็นได้จาก “ตาเหลือง ผิวเหลือง และลิ้นเหลือง” ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะตับอักเสบ หรือตับแข็ง

2. โรคในระบบย่อยอาหาร

การย่อยอาหารผิดปกติ โดยเฉพาะกรดไหลย้อนและแผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้เกิดการเคลือบลิ้นหนาและเหลือง เพราะมีกรดหรือเชื้อแบคทีเรียย้อนขึ้นมาที่ช่องปาก

3. การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในช่องปาก

ผู้ที่ใส่ฟันปลอมหรือมีภูมิคุ้มกันต่ำอาจเกิดการติดเชื้อ Candida albicans ได้ง่าย ทำให้ลิ้นมีสีเหลืองหรือขาวเหลือง มักมาพร้อมกลิ่นปากแรง

4. ภาวะขาดน้ำเรื้อรัง

เมื่อร่างกายขาดน้ำ น้ำลายจะหลั่งน้อยลง ทำให้ไม่สามารถชะล้างแบคทีเรียในช่องปากได้ ส่งผลให้เกิดคราบเหลืองบนลิ้นและกลิ่นปาก

5. โรคทางเดินหายใจส่วนบน

เช่น ไซนัสอักเสบหรือการติดเชื้อในลำคอ ซึ่งทำให้มีเสมหะไหลย้อนลงคอและเคลือบบนลิ้นจนเกิดสีเหลือง


💡 วิธีดูแลและป้องกันลิ้นเหลือง

  1. แปรงลิ้นเป็นประจำ ทุกครั้งหลังแปรงฟัน เพื่อขจัดคราบแบคทีเรีย

  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว

  3. ลดการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะเป็นตัวการทำให้ลิ้นเปลี่ยนสี

  4. รักษาความสะอาดในช่องปาก และพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน

  5. สังเกตอาการร่วม เช่น ปวดท้อง ผิวเหลือง หรือน้ำหนักลด — หากพบควรพบแพทย์ทันที

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่