ความจริง 19/10/2025 00:12

เหตุผลที่ต่างชาติเลิกใช้กาต้มน้ำไฟฟ้า ทั้งที่ดูเหมือนสะดวก หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

“กาต้มน้ำไฟฟ้า” ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แทบทุกบ้านในไทยต้องมี ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลาในการต้มน้ำร้อน ไม่ว่าจะชงกาแฟ ชา หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา คนจำนวนมากเริ่มลดการใช้หรือเลิกใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าแล้ว ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นของใช้ประจำบ้านที่ขาดไม่ได้

คำถามคือ... ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? มาดูเหตุผลที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน


🧠 1. ปัญหาสารโลหะหนักและไมโครพลาสติกจากภายในกาต้ม

กาต้มน้ำไฟฟ้าบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นราคาถูก หรือที่ทำจากโลหะคุณภาพต่ำ อาจปล่อยสารโลหะหนักอย่างนิกเกิลและตะกั่ว ออกมาปนเปื้อนในน้ำเมื่อโดนความร้อนสูงเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังพบว่า รุ่นที่ทำจากพลาสติก เมื่อใช้งานไปนาน ๆ อาจปล่อยสารไมโครพลาสติกและสาร BPA ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

ในหลายประเทศจึงมีกฎหมายควบคุมเข้มงวดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ผลิตอุปกรณ์ต้มน้ำ และผู้บริโภคจำนวนมากจึงหันมาใช้ หม้อต้มแบบสแตนเลสเกรดอาหาร แทน


⚡ 2. การกินไฟสูงกว่าที่คิด

แม้กาต้มน้ำไฟฟ้าจะดูเหมือนประหยัดเวลา แต่จริง ๆ แล้ว ใช้กำลังไฟสูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1500–2500 วัตต์ ซึ่งถ้าใช้งานบ่อยหรือเสียบปลั๊กค้างไว้ จะทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ใช้ในต่างประเทศหลายคนพบว่า การต้มน้ำด้วยเตาแก๊สหรือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าในปริมาณเหมาะสมกลับใช้พลังงานรวมต่อเดือนน้อยกว่า


☕ 3. กลิ่นและรสของน้ำที่เปลี่ยนไป

ผู้บริโภคในยุโรปบางส่วนให้เหตุผลว่า น้ำที่ต้มจากกาต้มน้ำไฟฟ้าบางรุ่น มีกลิ่นโลหะหรือพลาสติกติดอยู่ ทำให้รสชาของกาแฟหรือชาเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่คนรักกาแฟและชาเลือกหันไปใช้ “หม้อต้มแบบคลาสสิก” ที่ควบคุมอุณหภูมิได้ละเอียดกว่า


🔥 4. ความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและความร้อนสะสม

หลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป มีมาตรฐานความปลอดภัยไฟฟ้าสูง กาต้มน้ำไฟฟ้าที่ไม่ได้รับรองมาตรฐาน อาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือความร้อนสะสมจนทำให้ชิ้นส่วนละลาย ก่อให้เกิดอันตรายไฟไหม้ได้
ดังนั้นผู้ผลิตหลายรายในต่างประเทศจึงเริ่มลดการผลิตหรือปรับดีไซน์ใหม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น


🌿 5. แนวโน้มรักษ์โลกและลดการใช้พลังงาน

ผู้บริโภคในต่างประเทศให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเลิกใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของ “ไลฟ์สไตล์รักษ์โลก” ที่เน้นการใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น เช่น ต้มน้ำด้วยเตาอินดักชันที่ใช้พลังงานน้อยกว่าและสามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่