สุขภาพ 19/10/2025 10:17

เต้าหู้ อร่อย มีประโยชน์ และราคาถูก แต่คนที่เป็น 6 โรคนี้ไม่ควรกินเด็ดขาด

เต้าหู้เป็นอาหารที่อยู่คู่กับคนเอเชียมานานหลายศตวรรษ ด้วยรสชาติอ่อนนุ่ม ทานง่าย และอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช เต้าหู้จึงมักถูกขนานนามว่าเป็น “เนื้อสัตว์ของคนกินเจ” หรือ “อาหารสุขภาพราคาย่อมเยา” เพราะนอกจากจะอร่อยแล้วยังมีไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล และช่วยบำรุงหัวใจได้ดี

อย่างไรก็ตาม แม้เต้าหู้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะ “ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด” หากกินเต้าหู้มากเกินไปหรือกินเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น มาดูกันว่าใครบ้างที่ควร หลีกเลี่ยงเต้าหู้เด็ดขาด แม้มันจะอร่อยและมีประโยชน์เพียงใดก็ตาม

🩺 1. ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ (Gout)

เต้าหู้ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งมีสารพิวรีน (Purine) อยู่ในปริมาณสูง สารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะสลายเป็นกรดยูริก ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และอักเสบตามข้อได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเก๊าท์

คำแนะนำ: หลีกเลี่ยงเต้าหู้และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ หรือถั่วอบ
6 nhóm người tuyệt đối không nên ăn đậu phụ, "càng ăn càng mệt"

🩸 2. ผู้ที่เป็นโรคไต

ไตทำหน้าที่ขับของเสียและควบคุมระดับโปรตีนในร่างกาย เต้าหู้มีโปรตีนสูงเกินไปสำหรับผู้ป่วยโรคไต เมื่อไตต้องทำงานหนักเพื่อกรองของเสียจากโปรตีน อาจทำให้อาการของโรคทรุดลง

คำแนะนำ: ควรจำกัดปริมาณโปรตีนจากพืชและสัตว์ ปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค

🦴 3. ผู้ที่มีภาวะขาดไอโอดีนหรือโรคไทรอยด์

ในถั่วเหลืองมีสาร Goitrogen ซึ่งสามารถยับยั้งการดูดซึมไอโอดีนและรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากกินเต้าหู้เป็นประจำอาจทำให้ต่อมไทรอยด์โต หรือเกิดภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำได้

คำแนะนำ: หากจำเป็นต้องกิน ควรผ่านการปรุงให้สุกด้วยความร้อนสูง เพื่อลดสาร Goitrogen

❤️ 4. ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง

แม้เต้าหู้จะไขมันต่ำ แต่บางประเภท เช่น เต้าหู้ทอด เต้าหู้เหลือง หรือเต้าหู้สำเร็จรูป มักมีน้ำมันและโซเดียมสูง หากกินบ่อยจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน

คำแนะนำ: เลือกกินเต้าหู้ขาวต้ม หรือต้มจืดแทนการทอด เพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี

🧠 5. ผู้สูงอายุที่ย่อยอาหารยาก

เต้าหู้มีโปรตีนที่ย่อยยากสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในระบบทางเดินอาหารหรือกรดไหลย้อน อาจเกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด หรืออาเจียนได้

คำแนะนำ: ควรเลือกเต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้ไข่ที่ย่อยง่ายกว่า และกินในปริมาณพอเหมาะ

🧬 6. ผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล

เต้าหู้มีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง หากกินมากเกินไปอาจส่งผลต่อระบบฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้ชาย ทำให้ระดับฮอร์โมนเพศลดลง หรือในผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับเต้านม เช่น ซีสต์หรือก้อนเนื้อ ควรหลีกเลี่ยง

คำแนะนำ: กินในปริมาณพอดี ไม่เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์

🌿 สรุป

เต้าหู้เป็นอาหารที่ทั้งอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และราคาย่อมเยา แต่ “ของดีถ้ากินผิดคน” ก็อาจกลายเป็นภัยได้ การกินอย่างรู้เท่าทัน และเข้าใจร่างกายของตนเองคือสิ่งสำคัญที่สุด

ดังนั้น หากคุณหรือคนในครอบครัวเป็นหนึ่งใน 6 กลุ่มข้างต้น ควรหลีกเลี่ยงเต้าหู้หรือปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค เพื่อป้องกันไม่ให้ของดีอย่างเต้าหู้ กลายเป็นตัวร้ายที่ทำร้ายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่