สุขภาพ 24/10/2025 17:29

ชายอายุ 70 ปีคนหนึ่งเป็นอัมพาตเฉียบพลันหลังจากดื่มน้ำ และแพทย์เตือนว่ามีกรณีที่ห้ามดื่มน

เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานกรณีชายไทยวัย 70 ปีที่ “ดื่มน้ำ” หลังจากรู้สึกกระหายน้ำ และ เกิดอาการอัมพาตเฉียบพลัน (stroke) โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งสร้างความตื่นตัวให้กับวงการแพทย์และผู้สูงอายุทุกท่านว่า “แม้จะดูเป็นสิ่งธรรมดาแค่ ‘ดื่มน้ำ’ แต่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง อาจกลับกลายเป็นอันตรายได้”

Image preview

สถานการณ์เบื้องต้น

ชายวัย 70 ปีรายนี้เมื่อวันหนึ่งรู้สึกกระหายน้ำจึงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มตามปกติ แต่ทันใดนั้นกลับพบว่าแขนขาข้างหนึ่งเริ่มอ่อนแรง พูดไม่ชัด และหน้าผากข้างหนึ่งรู้สึกชา – ภายหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นอัมพาตเฉียบพลัน (stroke) จากหลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตกในระดับที่รุนแรง

ทำไม “การดื่มน้ำ” ถึงถูกเชื่อมโยงกับอัมพาตในผู้สูงอายุ?

  1. ความเสี่ยงของผู้สูงอายุ – เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดและหัวใจมีโอกาสถูกเสื่อม ลื่น หรืออุดตันได้ง่ายขึ้น ทำให้การทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดเปราะบางกว่าเดิม

  2. ภาวะการ “กินดื่มน้ำผิดจังหวะ” – แม้ไม่มีข้อมูลระบุชัดเจนว่าเพียงการดื่มน้ำเป็นเหตุโดยตรง แต่วิดีโอและบทความสุขภาพบางแห่งชี้ว่า "การดื่มน้ำทันทีโดยไม่คำนึงถึงสภาพร่างกาย" อาจกระตุ้นให้ความดันโลหิตหรือการไหลเวียนเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอัมพาตเฉียบพลันได้ YouTube+2Facebook+2

  3. ภาวะ “น้ำมากเกินไป / น้ำเข้าเร็วเกินไป” – แม้จะไม่ใช่กรณีของผู้สูงอายุโดยตรง แต่มีงานเขียนเกี่ยวกับ “Water intoxication” (น้ำเข้าร่างกายมากจนเกินไป) ที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ Wikipedia+1

คำเตือนจากแพทย์

  • แม้ผู้สูงอายุควรดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่ ไม่ควรดื่มเร็ว/มากเกินไปทันที โดยเฉพาะเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเปลี่ยนแปลง เช่น เพิ่งลุกจากเตียง ขึ้น – ลง หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อน

  • ควรรักษาระดับน้ำในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำทีละน้อยๆ ตลอดวัน แทนการ “รอให้หิวน้ำมากแล้วดื่มทีเดียวเยอะ”

  • หากมีอาการเตือน เช่น ปลายมือปลายเท้าเริ่มชา แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด เหมือนแขนขา “หนัก” – ควรไปพบแพทย์ทันที

แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้สูงอายุ

  1. เริ่มด้วยการดื่มน้ำอุ่นเล็กน้อยทันทีหลังตื่นนอนประมาณ 1 แก้ว

  2. ดื่มน้ำสม่ำเสมอในช่วงเช้า – บ่าย – เย็น ไม่ควรรอให้รู้สึกกระหายมากจนเกินไป

  3. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจำนวนมากในครั้งเดียว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในอากาศร้อนหรือหลังออกกำลังกาย

  4. ตรวจสุขภาพหลอดเลือด/หัวใจเป็นประจำ และรักษาโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง / เบาหวาน /ไขมันอุดตัน ให้ดี

  5. เรียนรู้สัญญาณเตือนของอัมพาตเฉียบพลัน เช่น “แขน / ขาเฉียบพลันอ่อนแรง”, “พูดไม่ชัด”, “มุมปากหย่อน” และให้รีบไปโรงพยาบาลโดยเร็ว

สรุป

แม้ “การดื่มน้ำ” จะเป็นสิ่งพื้นฐานและจำเป็นต่อชีวิต แต่สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะวัย 70 ปีขึ้นไป มีเงื่อนไขบางอย่างที่อาจทำให้การดื่มน้ำ — โดยเฉพาะเมื่อดื่มผิดจังหวะหรือเร็วเกินไป — กลายเป็นเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้มากกว่าที่คิด ดังนั้น “ดื่มให้ถูก จังหวะให้เหมาะ” ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองอยู่แล้ว

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่