ข่าว 04/11/2025 23:52

ปภ.เปิดชื่อ 52 จว.แจ้งเตือนท่วมฉับพลัน น้ำป่าหลาก ดินโคลนถล่ม เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำช่วง 7-10 พ.ย.

ปภ.แจ้งเตือน 52 จว.เหนือ อีสาน กลาง และใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง และเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักมากกว่าร้อยละ 80 ช่วง 7 – 10 พ.ย.

วันที่ 4 พ.ย.2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) มีประกาศฉบับที่ 29/2568 เรื่องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยระบุว่า จากการติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่า จะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยมีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 7 – 10 พ.ย.แยกเป็น


พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้ ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย) ลำปาง (อำเภอสบปราบ) ตาก (อำเภอแม่สอด) สุโขทัย (อำเภอสวรรคโลก) กำแพงเพชร (อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอลานกระบือ และอำเภอไทรงาม) พิษณุโลก (อำเภอบางระกำ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง) พิจิตร (อำเภอวชิรบารมี และอำเภอวังทรายพูน) และเพชรบูรณ์ (อำเภอน้ำหนาว)



ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เลย (อำเภอนาด้วง และอำเภอปากชม) บึงกาฬ (อำเภอเมืองบึงภาฬ และอำเภอเซกา) หนองบัวลำภู (อำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอำเภอนากลาง) สกลนคร (อำเภอกุสุมาลย์) นครพนม (อำเภอเมืองนครพนม อำเภอท่าอุเทน อำเภอปลาปาก อำเภอบ้านแพง อำเภอศรีสงคราม และอำเภอโพนสวรรค์) ชัยภูมิ (อำเภอเกษตรสมบูรณ์ และอำเภอหนองบัวแดง) ขอนแก่น (อำเภอชุมแพ) และบุรีรัมย์ (อำเภอนางรอง)

ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี (อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง อำเภอบ่อพลอย และอำเภอศรีสวัสดิ์) ราชบุรี (อำเภอบ้านโป่ง) ปราจีนบุรี (อำเภอบ้านสร้าง) ตราด (อำเภอบ่อไร่) เพชรบุรี (อำเภอท่ายาง อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอหนองหญ้าปล้อง) และประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอหัวหิน)

ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร (อำเภอปะทิว และอำเภอละแม) ระนอง (อำเภอเมืองระนอง อำเภอกระบุรี และอำเภอกะเปอร์) และนราธิวาส (อำเภอสุไหงปาดี)

พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจ.เชียงใหม่ ลำปาง น่าน แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 52 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที



โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่