ข่าว 04/11/2025 16:30

ให้เงินแม่ 40,000 บาททุกเดือน จนแม่จากไปไม่ เหลือเงินในบัญชีแม่เลย พอได้รับใบแจ้งยอด ธนาคาร ผ

ในภาพนี้มีเนื้อหาที่เล่าถึงชายคนหนึ่ง (หรืออาจเป็นลูกคนหนึ่ง) ที่ส่งเงินให้แม่เดือนละ 40,000 บาทมาโดยตลอด จนวันหนึ่งเมื่อได้รับใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารกลับพบว่าเงินที่เคยให้แม่ไปนั้น “ไม่มีเหลืออยู่ในบัญชี” เลย ทำให้เขารู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้ผู้อ่านตั้งคำถามเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจ การบริหารเงินของผู้สูงอายุ รวมถึงคุณค่าที่แท้จริงของการให้เงินแก่บุพการี


1. ความคาดหวังและความตั้งใจของลูก

Image preview

  • ความตั้งใจดีของผู้เป็นลูก
    การให้เงินเดือนละ 40,000 บาทแก่แม่อย่างสม่ำเสมอสะท้อนถึงความกตัญญูและความปรารถนาดีที่อยากให้แม่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย
  • ความเชื่อว่าแม่จะเก็บออม
    ลูกอาจคาดหวังว่าแม่จะเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรองยามฉุกเฉิน หรืออย่างน้อยก็เก็บออมไว้เพื่อใช้ในอนาคต

2. เหตุใดเงินจึงไม่เหลือในบัญชี

  1. ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงกว่าที่คาด
    แม่อาจใช้จ่ายกับค่าของใช้ในบ้าน ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าเลี้ยงดูญาติพี่น้อง โดยที่ลูกไม่ได้รับรู้ทั้งหมด
  2. การช่วยเหลือผู้อื่นหรือทำบุญ
    ในหลายกรณี ผู้สูงอายุมีจิตใจโอบอ้อมอารี อาจนำเงินไปช่วยเหลือคนรอบข้างหรือบริจาคทำบุญอย่างต่อเนื่องจนไม่เหลือออม
  3. การถูกชักชวนลงทุนหรือหลอกลวง
    มีความเป็นไปได้ว่าถูกชักจูงให้ลงทุนในโครงการที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือถูกกลโกงทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ
  4. ไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการเงิน
    หากแม่ไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน ก็อาจใช้เงินแบบ “เท่าไหร่เท่ากัน” โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
Du lịch Cameroon năm 2025: hoạt động giải trí tại Cameroon | Tripadvisor

3. ความรู้สึกของลูกเมื่อตรวจสอบยอดเงิน

  • ตกใจและผิดหวัง
    เพราะไม่คิดว่าจำนวนเงินที่โอนให้ทุกเดือนจะหายไปจนหมดโดยไม่มีการออม
  • เสียใจและสับสน
    รู้สึกเหมือนความหวังดีไม่เกิดประโยชน์ และอาจมองว่าแม่ไม่เห็นค่าของเงินที่ตนให้
  • เกิดคำถามในใจ
    ว่าเงินถูกนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง และเพราะอะไรถึงไม่เหลือเงินเก็บเลย

4. แง่คิดและแนวทางแก้ไข

  1. สื่อสารและพูดคุยกันอย่างเปิดใจ
    ลูกควรสอบถามแม่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เข้าใจว่าเงินถูกนำไปใช้อย่างไร มีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้มากขนาดนั้น
  2. จัดการระบบการเงินร่วมกัน
    หากแม่ยินยอม อาจเปิดบัญชีร่วม (Joint Account) หรือกำหนดวงเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้ชัดเจน เพื่อให้มีการออมอย่างเป็นระบบ
  3. ให้ความรู้ด้านการเงินแก่ผู้สูงอายุ
    ควรอธิบายหลักการออม การลงทุนอย่างปลอดภัย หรือการบริหารค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อป้องกันการใช้เงินเกินตัวหรือถูกหลอกลวง
  4. ปรับรูปแบบการให้
    แทนที่จะโอนเงินก้อนใหญ่ทุกเดือน อาจแบ่งเป็นส่วน ๆ เช่น ส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่วนสำหรับค่ารักษาพยาบาล และส่วนสำหรับออมโดยอัตโนมัติ

5. บทสรุป

เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญของการสื่อสารและความเข้าใจในครอบครัว การให้เงินแม่เป็นสิ่งที่ดี แต่อาจต้องคำนึงถึงวิธีบริหารจัดการของผู้รับด้วย ไม่เช่นนั้นเงินที่โอนไปอาจไม่ถูกใช้อย่างคุ้มค่า หรืออาจสูญหายไปโดยที่ไม่ได้สร้างความมั่นคงในระยะยาว ทั้งนี้ การหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา และวางแผนร่วมกัน จะช่วยให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำมาซึ่งความสุขทั้งสองฝ่าย

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่