สุขภาพ 20/12/2025 23:26

ยิ่งมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น แพทย์ถึงกับสะเทือนใจ: ควรกินให้น้อยลง 4 เมนูแสนอร่

ตามรายงานภาระโรคทั่วโลก (Global Burden of Disease – GBD) ซึ่งจัดทำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และวารสารการแพทย์ชั้นนำ ระบุว่า ในแต่ละปีทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่ประมาณ 12–13 ล้านราย โดยในจำนวนนี้ราว 80–85% เป็นภาวะสมองขาดเลือด (Ischemic stroke)

โรคสมองขาดเลือดไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของการสะสมความเสี่ยงจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินที่ดูเหมือนธรรมดาในชีวิตประจำวัน สิ่งที่คุ้นเคยเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็น “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ที่ทำลายหลอดเลือดสมองอย่างเงียบ ๆ

ในทางคลินิก แพทย์พบว่าภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุเกิน 40 ปี หลายคนไปตรวจสุขภาพประจำปีจึงพบความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง หรือบางรายเข้ารับการรักษาเพราะเวียนศีรษะเฉียบพลัน ชา แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด และสุดท้ายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นสมองขาดเลือด ปัญหานี้จึงกลายเป็นประเด็นด้านสาธารณสุขที่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

แพทย์ระบุว่า ในบรรดาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ มี “ตัวการ” หลายอย่างที่สามารถควบคุมได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หากลดอาหารบางชนิดที่เรากินกันเป็นประจำแต่ไม่ค่อยระวัง ความเสี่ยงของสมองขาดเลือดก็สามารถลดลงได้อย่างชัดเจน

1. อาหารที่มีโซเดียมสูง
Ngày càng nhiều người bị nhồi máu não, bác sĩ nghẹ ngào: Ăn ít 4 món ngon "nút lưỡi" này đi thôi! - Ảnh 1.

แม้ทุกคนจะรู้ว่าการกินเค็มทำให้ความดันโลหิตสูง แต่หลายคนยังคงประมาท คิดว่าตนเองควบคุมได้ดีแล้ว ในความเป็นจริง ผู้คนจำนวนมากบริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์โดยไม่รู้ตัว งานวิจัยพบว่า ผู้ใหญ่ที่บริโภคเกลือมากกว่า 6 กรัมต่อวัน มีความเสี่ยงต่อสมองขาดเลือดสูงกว่าผู้ที่กินจืดเกือบ 30% และความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นตามอายุ

อาหารที่มีโซเดียมสูงไม่ได้มีแค่ผักดอง ของหมัก น้ำจิ้ม อาหารแปรรูป หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงของว่างรสจัดอีกมากมาย การกินเค็มเป็นเวลานานจะทำลายเยื่อบุหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูงและเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือด ส่งผลให้ความเสี่ยงสมองขาดเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว

2. อาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
Ngày càng nhiều người bị nhồi máu não, bác sĩ nghẹ ngào: Ăn ít 4 món ngon "nút lưỡi" này đi thôi! - Ảnh 2.

เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องใน เนย ไอศกรีม และผลิตภัณฑ์นมไขมันเต็ม ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ในผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ การบริโภคอาหารกลุ่มนี้มากเกินไปจะเพิ่มระดับ LDL-C ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อตัวของลิ่มเลือดที่อุดตันหลอดเลือดสมอง

เมื่อไขมันในเลือดสูงร่วมกับความดันโลหิตสูงหรือเบาหวาน ความเสี่ยงสมองขาดเลือดแทบจะเปิดประตูรับทันที ไม่เพียงแค่เนื้อสัตว์ติดมัน แต่อาหารทอด ฟาสต์ฟู้ด และของว่างมัน ๆ ก็มีส่วนสร้างคราบไขมันในหลอดเลือดอย่างเงียบ ๆ เมื่อเวลาผ่านไป หากคราบเหล่านี้หลุดออกมา ภาวะหลอดเลือดสมองก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

3. อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
Ngày càng nhiều người bị nhồi máu não, bác sĩ nghẹ ngào: Ăn ít 4 món ngon "nút lưỡi" này đi thôi! - Ảnh 3.

น้ำตาลไม่ได้ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนเท่านั้น แต่ยังเร่งการเสื่อมของหลอดเลือด งานวิจัยขนาดใหญ่ที่ศึกษากลุ่มตัวอย่างเกือบ 100,000 คน พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลมากกว่าวันละ 1 กระป๋อง มีความเสี่ยงสมองขาดเลือดสูงขึ้นประมาณ 15–20% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม

ความเสี่ยงนี้เด่นชัดเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวานหรือภาวะก่อนเบาหวาน เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงทำให้ผนังหลอดเลือดเปราะบาง เลือดข้นง่าย เมื่อรวมกับไขมันในเลือดผิดปกติ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ น้ำตาลยังแฝงอยู่ในซีเรียล อาหารเช้า โยเกิร์ต เครื่องดื่มสำเร็จรูป และเครื่องปรุงหลายชนิด ทำให้ปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายได้รับจริงสูงเกินคาด

4. อาหารที่มีพิวรีนและคอเลสเตอรอลสูง
Ngày càng nhiều người bị nhồi máu não, bác sĩ nghẹ ngào: Ăn ít 4 món ngon "nút lưỡi" này đi thôi! - Ảnh 4.

อาหารทะเลและเครื่องในสัตว์สามารถเพิ่มระดับกรดยูริกในเลือด ทำลายเยื่อบุหลอดเลือด และเพิ่มความหนืดของเลือด ภาวะกรดยูริกสูงเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของสมองขาดเลือด

แพทย์พบว่า พฤติกรรมกินหม้อไฟทะเล เครื่องใน ร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์ เป็น “ตัวเร่ง” ที่อันตรายต่อโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะในผู้ชายวัยกลางคน สถิติแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่มีกรดยูริกในเลือดตั้งแต่ 420 ไมโครโมลต่อลิตรขึ้นไป มีอัตราการเกิดสมองขาดเลือดสูงกว่าผู้ที่มีระดับปกติประมาณ 25%

แพทย์แนะนำว่า การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมมากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่าง ๆ ปลาในปริมาณพอเหมาะ จะช่วยปกป้องหลอดเลือดได้ดีกว่า อาหารเหล่านี้ให้สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร และช่วยคงความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด กล่าวอีกนัยหนึ่ง การลดอาหารที่สร้างภาระให้หลอดเลือด พร้อมกับเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ คือแนวทางป้องกันโรคที่ยั่งยืนที่สุด

ภาวะสมองขาดเลือดไม่ใช่สิ่งที่ป้องกันไม่ได้ กุญแจสำคัญอยู่ที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการจัดการเรื่องอาหารในแต่ละวัน หากยังคงกินเค็ม กินมัน กินหวาน และกินอาหารที่มีพิวรีนสูง หลอดเลือดย่อมส่งสัญญาณอันตรายในไม่ช้า ตรงกันข้าม การควบคุมอาหาร ใช้ชีวิตอย่างสมดุล และตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ คือเกราะป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อไม่ให้สมองขาดเลือดคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบ ๆ

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่