ความจริง 21/12/2025 22:31

ซื้อทองมา 5 ปี ฉันกลับเสียใจที่ไม่รู้เรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้

ซื้อทองมา 5 ปี ฉันกลับเสียใจที่ไม่รู้เรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้

ไม่ใช่ว่าซื้อทองแล้วจะดีเสมอไป หรือถือว่า “จบเรื่อง” ได้ทันที…


ธนาคารกลางประเทศต่างๆ มีการซื้อทองคำในไตรมาสแรกปี 2019 สูงสุดในรอบ 6 ปี -  Finnomena


ฉันซื้อทองมาเป็นเวลา 5 ปี มีทั้งซื้ออย่างสม่ำเสมอ ซื้อด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซื้อด้วยความตื่นเต้น และก็มีช่วงที่ผิดหวังเช่นกัน ในช่วงแรกฉันคิดง่ายมาก แค่มีเงินเหลือก็เอาไปแลกเป็นทอง เก็บไว้ เท่านี้ก็สบายใจแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมาก และไม่ได้วางกลยุทธ์ให้ชัดเจน จนกระทั่งมองย้อนกลับไปตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ฉันถึงได้รู้ว่า การซื้อทองไม่ใช่เรื่องผิด แต่ “วิธีซื้อ” ของฉันในช่วงปีแรก ๆ นั้นผิดพลาดมาก

1. ซื้อทองตามกระแส ไม่มีหลักการของตัวเอง


เปิด 3 ช่องทาง 'ลงทุนทองคำ' ช่วงขาขึ้น


การซื้อทองครั้งแรก ๆ ของฉัน มักเริ่มจากความรู้สึกคุ้นเคยมาก คือเห็นคนรอบข้างซื้อทอง ได้ยินเขาพูดว่า “ช่วงนี้ซื้อน่าจะดีนะ” ฉันก็เริ่มร้อนใจ อยากซื้อบ้าง
ฉันไม่มีตารางเวลาซื้อที่แน่นอน ไม่ได้กำหนดว่าแต่ละเดือนจะกันเงินเท่าไรไว้สะสมทรัพย์ บางครั้งฉันทุ่มเงินก้อนใหญ่ซื้อทองเพียงเพราะกลัว “พลาดโอกาส” จนหลังจากนั้นต้องไปยืมเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หากตอนนั้นฉันเข้าใจว่า การสะสมทรัพย์ต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอ ไม่ใช่การตัดสินใจตามอารมณ์ ฉันคงหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ขาดการไตร่ตรองไปได้มาก


ข่าว - โพลล์เผยคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อ" ทอง" ช่วงราคาลดฮวบ


2. ไม่คำนึงถึงต้นทุนแฝงในการซื้อ–ขาย

อยู่ช่วงหนึ่ง ฉันสนใจแค่ราคาทองที่ประกาศในแต่ละวัน เปรียบเทียบราคาวันนี้กับเมื่อวาน ราคาเพิ่มก็ดีใจ ราคาลดก็กังวล แต่กลับไม่เคยใส่ใจช่องว่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขาย
จนวันที่จำเป็นต้องใช้เงินส่วนตัวและนำทองไปขาย ฉันถึงได้ “ตื่นรู้” จริง ๆ ส่วนต่างราคานั้นไม่ได้น้อยเลย โดยเฉพาะทองรูปพรรณ

ตอนนั้นฉันจึงเข้าใจว่า ผลประโยชน์จากทองไม่ได้เกิดขึ้นทันที และหากไม่มีความอดทน คนที่เสียเปรียบก็มักจะเป็นผู้ซื้อเอง

3. ทุ่มเงินซื้อทองมากเกินไป จนทำให้ตัวเองลำบาก

มีช่วงหนึ่งที่ฉันแทบจะมองว่าทองคือที่เดียวสำหรับเก็บเงินทั้งหมด เงินออม เงินโบนัส แม้กระทั่งเงินที่ควรเก็บไว้สำรอง ฉันก็เอาไปเปลี่ยนเป็นทอง

เมื่อทุกอย่างราบรื่น ฉันรู้สึกอุ่นใจมาก แต่พอมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินด่วน ฉันก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากทันที การต้องขายทองอย่างจำใจทำให้ฉันได้บทเรียนราคาแพงว่า การซื้อทองโดยไม่มีกองทุนสำรอง ก็ไม่ต่างอะไรกับการผลักตัวเองให้ติดกับดักเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
หลังจากนั้น ฉันจึงจัดสัดส่วนทองให้อยู่ในระดับพอเหมาะ ไม่ปล่อยให้มัน “กลืนกิน” ทรัพยากรทางการเงินทั้งหมด

4. ซื้อทองโดยไม่เข้าใจว่าซื้อไปเพื่ออะไร

ในช่วงแรก ฉันซื้อทองด้วยความรู้สึกเป็นหลัก เห็นร้านคุ้นเคย เห็นแบบที่คิดว่าขายง่าย ก็ซื้อ บางครั้งเลือกทองรูปพรรณเพราะคิดว่า “ใส่ก็ได้ เก็บก็ได้” แต่เมื่อถึงเวลาขายจริง เงินที่ได้กลับน้อยกว่าที่คาดหวังมาก

ความสูญเสียเหล่านั้นมาจากรายละเอียดที่ตอนซื้อฉันไม่เคยใส่ใจ หลังจากเจอเหตุการณ์แบบนี้ไม่กี่ครั้ง ฉันถึงเริ่มแยกให้ชัดเจนว่า การซื้อเพื่อสะสม กับการซื้อเพื่อใช้งานนั้นไม่เหมือนกัน หากตั้งเป้าหมายผิดตั้งแต่ต้น ต่อให้ถือทองไว้นาน ก็อาจไม่ได้นำมาซึ่งความสบายใจหรือมูลค่าที่แท้จริง

5. คาดหวังว่าทองจะให้ผลลัพธ์เร็วเกินไป

ความผิดพลาดทางจิตใจที่ใหญ่ที่สุดของฉัน คือการคาดหวังว่าทองจะต้องแสดง “ผลลัพธ์” ให้เห็นในเวลาอันสั้น มีหลายครั้งที่ฉันเปิดกล่องทองออกมาดู แล้วถามตัวเองว่า “ถือมาเป็นปี ๆ แบบนี้ คุ้มไหมนะ?”
เมื่อประสบการณ์ยังไม่มาก ฉันมักนำทองไปเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น ๆ และเกิดความท้อใจขึ้น แต่หลังจากผ่านมาหลายปี ฉันจึงเข้าใจว่า ทองไม่เหมาะกับคนใจร้อน มันเหมาะกับคนที่ยอมเดินช้า แต่เดินสม่ำเสมอ

เมื่อเปลี่ยนมุมมองได้แบบนี้ ฉันรู้สึกเบาสบายขึ้นมาก

หลังจากซื้อทองมา 5 ปี สิ่งที่ฉันเสียดายที่สุดไม่ใช่เงินที่จ่ายไป แต่คือบทเรียนที่ฉันควรได้เรียนรู้เร็วกว่านี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็ยังจะเลือกซื้อทองอยู่ดี แต่จะซื้อด้วยทัศนคติที่ต่างออกไป คือมีแผน มีขอบเขต เข้าใจเป้าหมายอย่างชัดเจน และไม่ตั้งความคาดหวังที่เกินจริง
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทองก็จะไม่ใช่แรงกดดันอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่มั่นคงในภาพรวมทางการเงินระยะยาวของฉัน

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่