ตู้เย็นเกิดน้ำแข็งเกาะ เปลืองไฟเพิ่ม 10–30% แล้วจะแก้ไขอย่างไรดี?
หลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง หลายคนจะพบว่าตู้เย็น โดยเฉพาะช่องแช่แข็ง มีน้ำแข็งเกาะหนา ปัญหานี้ไม่เพียงทำให้หยิบอาหารลำบาก แต่ยังทำให้หลายคนสงสัยว่า การเกิดน้ำแข็งเกาะจะทำให้ตู้เย็นกินไฟมากขึ้นหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตู้เย็นที่เกิดน้ำแข็งเกาะมักพบในตู้เย็นรุ่นเก่า หรือรุ่นที่ไม่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (Defrost) เมื่ออากาศที่มีความชื้นเข้าไปในช่องแช่แข็ง ภายใต้อุณหภูมิต่ำ ไอน้ำจะควบแน่นและกลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเวลาผ่านไป น้ำแข็งจะหนาขึ้นและเกาะแน่นตามผนังตู้ ชั้นวาง และแม้แต่ท่อทำความเย็น ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง และใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
สาเหตุที่ตู้เย็นเกิดน้ำแข็งเกาะ
-
ประตูตู้เย็นปิดไม่สนิท ทำให้อากาศชื้นจากภายนอกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
-
เปิดประตูตู้บ่อย ทำให้อากาศร้อนและความชื้นเข้าไปในตู้
-
ใส่อาหารที่ยังร้อนลงในตู้ ทำให้เกิดไอน้ำและควบแน่นเป็นน้ำแข็ง
-
ไม่ได้ละลายน้ำแข็งเป็นประจำ ทำให้น้ำแข็งสะสมหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ตู้เย็นที่มีน้ำแข็งเกาะกินไฟมากขึ้นจริง

-
ชั้นน้ำแข็งเป็นฉนวนความร้อนที่ร้ายแรง
หลายคนคิดว่าน้ำแข็งบาง ๆ ไม่ส่งผลต่อการทำงาน แต่ในความเป็นจริง น้ำแข็งเป็นตัวกั้นการถ่ายเทความร้อน เมื่อเกาะที่แผงทำความเย็นหรือผนังตู้ จะลดประสิทธิภาพการถ่ายเทความเย็น ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักและนานขึ้นเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการ -
คอมเพรสเซอร์ทำงานถี่ขึ้น
เมื่อประสิทธิภาพความเย็นลดลง คอมเพรสเซอร์จะต้องทำงานต่อเนื่องมากขึ้น แทนที่จะหยุดพักตามรอบ ส่งผลให้ใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติ
จากการศึกษาบางแห่งพบว่า น้ำแข็งหนาประมาณ 5 มม. สามารถเพิ่มการใช้ไฟได้ 10–15% และหากหนามากกว่า 1 ซม. อาจทำให้สิ้นเปลืองไฟถึง 30% หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการใช้งานและรุ่นของตู้เย็น
-
พื้นที่จัดเก็บลดลง
น้ำแข็งกินพื้นที่ในช่องแช่แข็ง ทำให้พื้นที่ใส่อาหารลดลง ผู้ใช้จึงมักวางอาหารซ้อนกันแน่น ส่งผลให้ลมเย็นไหลเวียนไม่สะดวก เกิดการทำความเย็นไม่สม่ำเสมอ และตู้เย็นต้องใช้พลังงานเพิ่มเพื่อรักษาอุณหภูมิ -
กระทบคุณภาพการถนอมอาหาร
อากาศเย็นไหลเวียนไม่ดี ทำให้บางจุดในตู้เย็นเย็นไม่พอ อาหารจึงเสียง่าย -
ทำความสะอาดและบำรุงรักษายาก
น้ำแข็งเกาะหนาทำให้การเช็ดล้างตู้เย็นเป็นเรื่องลำบาก -
เสี่ยงต่อการชำรุดของชิ้นส่วน
หากปล่อยไว้นาน น้ำแข็งอาจกระทบต่อเซ็นเซอร์อุณหภูมิและพัดลม ทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นสั้นลง
วิธีใช้ตู้เย็นให้ไม่เกิดน้ำแข็งเกาะและประหยัดไฟ
-
เลือกตู้เย็นระบบ No Frost
เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด ช่วยป้องกันการเกิดน้ำแข็งเกาะโดยสิ้นเชิง ตู้เย็นชนิดนี้ใช้พัดลมกระจายความเย็นและมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ -
ละลายน้ำแข็งเป็นประจำ
สำหรับตู้เย็นทั่วไป ควรละลายน้ำแข็งทุก 2–3 สัปดาห์ เพื่อกำจัดน้ำแข็งที่สะสม -
ปิดประตูตู้ให้สนิท
ตรวจสอบยางขอบประตูอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเปิดประตูทิ้งไว้นานหรือเปิดบ่อย -
อย่าใส่อาหารร้อนลงตู้เย็น
ไอน้ำจากอาหารร้อนจะเร่งการเกิดน้ำแข็งเกาะ -
อย่าเรียงอาหารแน่นเกินไป
ควรเว้นพื้นที่ให้ลมเย็นไหลเวียนได้สะดวก ช่วยให้ตู้เย็นทำงานมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟ
ตู้เย็นที่เกิดน้ำแข็งเกาะไม่เพียงสร้างความไม่สะดวกในการใช้งาน แต่ยังทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว น้ำแข็งที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย อาจทำให้ตู้เย็นทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพและกินไฟมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเลือกตู้เย็นให้เหมาะสม ใช้งานอย่างถูกวิธี และบำรุงรักษาเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องและประหยัดค่าใช้จ่ายให้ครอบครัว
ในช่วงที่ค่าไฟสูงขึ้น การประหยัดจากรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการป้องกันไม่ให้ตู้เย็นเกิดน้ำแข็งเกาะ ถือเป็นวิธีที่ฉลาดและคุ้มค่าไม่น้อย

































