
ทำไมเนื้อบางชิ้นถึงมีสีรุ้งถึง 7 สี? ความลับของ “เนื้อสายรุ้ง” ที่หลายคนสงสัย
ทำไมเนื้อบางชิ้นถึงมีสีรุ้งถึง 7 สี? ความลับของ “เนื้อสายรุ้ง” ที่หลายคนสงสัย
หลายคนคงเคยพบกับปรากฏการณ์แปลกตาบนเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกแล้ว โดยเฉพาะในเมนูอย่าง "เฝอ" หรือ "สเต๊ก" ที่ใช้เนื้อวัวหั่นบาง เมื่อสังเกตดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าผิวเนื้อมีลักษณะเป็นสีรุ้งคล้ายฟิล์มน้ำมัน หรือมีประกายหลากสีสะท้อนแสงอย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า "เนื้อแบบนี้กินได้ไหม? หรือเน่าหรือเปล่า?"
ความจริงแล้ว ปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า “Iridescence” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “สีรุ้ง” ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ในเนื้อบางประเภท และไม่ใช่สัญญาณของการเน่าเสียอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจว่า เพราะเหตุใดเนื้อบางชิ้นถึงมีสีรุ้งถึง 7 สี และมันมีอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่
ปรากฏการณ์สีรุ้งในเนื้อคืออะไร?
ปรากฏการณ์สีรุ้ง หรือ Iridescence ในเนื้อสัตว์ เกิดจากการหักเหของแสงเมื่อกระทบกับเส้นใยกล้ามเนื้อที่ถูกตัดเป็นมุมบางเฉียบ โดยเฉพาะเนื้อวัวที่หั่นขวางกล้ามเนื้ออย่างแม่นยำ หากเส้นใยเนื้อแน่นและมีความชื้นอยู่พอสมควร เมื่อแสงมากระทบจะเกิดการสะท้อนกลับในรูปแบบคล้ายปริซึมหรือฟิล์มน้ำมัน จึงทำให้เราเห็นสีรุ้งหลายเฉดผสมกันบนผิวของเนื้อ
ทำไมเนื้อบางชิ้นจึงเกิดสีรุ้งมากกว่าชิ้นอื่น?
-
ลักษณะของเส้นใยกล้ามเนื้อ: ถ้าเนื้อชิ้นนั้นมีเส้นใยกล้ามเนื้อเรียงกันแน่น และถูกหั่นในแนวที่ถูกต้อง ก็จะเกิดการสะท้อนแสงได้ดีมากกว่าชิ้นอื่น ๆ
-
ระดับความชื้นในเนื้อ: เนื้อที่ยังมีความชื้นหรือไขมันอยู่ในระดับพอเหมาะ จะสะท้อนแสงได้ดีกว่าเนื้อแห้ง
-
ความบางของชิ้นเนื้อ: ยิ่งหั่นบางมากเท่าไร โอกาสที่แสงจะทะลุผ่านและสะท้อนในหลายมุมยิ่งเพิ่มขึ้น
-
ประเภทของเนื้อ: มักพบได้บ่อยในเนื้อวัว และไก่ มากกว่าเนื้อหมู
แล้วเนื้อที่มีสีรุ้งแบบนี้ "กินได้หรือไม่"?
คำตอบคือ กินได้ และ ไม่เป็นอันตราย แต่อย่างใด หากเนื้อนั้นได้รับการจัดเก็บและปรุงในอุณหภูมิที่เหมาะสม กลิ่น รส และสัมผัสยังปกติ สีรุ้งที่ปรากฏนั้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางกายภาพ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคใดๆ
อย่างไรก็ตาม หากเนื้อชิ้นนั้นมี กลิ่นเหม็นเปรี้ยว, ลื่น, หรือ มีจุดสีเขียว/ดำ นั่นอาจบ่งบอกถึงการเน่าเสีย ซึ่งควรหลีกเลี่ยงโดยทันที
เทคนิคหลีกเลี่ยงไม่ให้เนื้อเกิดสีรุ้ง (สำหรับผู้ไม่ชอบ)
แม้ว่าปรากฏการณ์นี้จะไม่เป็นอันตราย แต่บางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นสีรุ้งบนอาหารที่กำลังจะกิน หากคุณเป็นหนึ่งในนั้น นี่คือเคล็ดลับเล็กน้อย:
-
หั่นเนื้อในแนวเดียวกับเส้นใยกล้ามเนื้อ แทนที่จะหั่นขวาง
-
ใช้ไฟแรงและระยะเวลาสั้นในการปรุง เพื่อป้องกันการเกิดมุมสะท้อน
-
เลือกใช้เนื้อที่ไม่ผ่านกระบวนการแช่แข็งหรือการหมักที่ทำให้เส้นใยเปลี่ยนแปลง
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับเนื้อมีสีรุ้ง
-
"เนื้อมีเชื้อราแน่เลย!": ไม่ใช่ ความเปลี่ยนแปลงของสีเป็นเรื่องของการหักเหของแสง ไม่ใช่ผลของเชื้อรา
-
"เนื้อเน่าแล้วหรือเปล่า?": หากไม่มีสัญญาณเน่าเสียอื่น ๆ เช่น กลิ่นหรือเมือก ก็ไม่ใช่เน่า
-
"กินแล้วจะป่วยหรือไม่?": หากเนื้อเก็บรักษาถูกวิธี และผ่านการปรุงสุกแล้ว ไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
สรุป
สีรุ้งที่ปรากฏบนเนื้อสัตว์บางชิ้น โดยเฉพาะเนื้อวัว ไม่ได้เป็นสัญญาณของอันตรายหรือเน่าเสียแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการสะท้อนแสงของเส้นใยกล้ามเนื้อเท่านั้น หากคุณพบเห็นเนื้อแบบนี้ในอาหารของคุณ ก็สามารถมั่นใจได้ว่ากินได้อย่างปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องตกใจหรือหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด
บทความในหมวดเดียวกัน


ฉันเรียนรู้จากคุณหมอญี่ปุ่นว่า การกิน 3 อาหารนี้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ

ลดความเสี่ยงโรคตับ 50% ผู้เชี่ยวชาญเผยเคล็ดลับการกินง่ายๆ

โรคหัดทำอะไรกับร่างกายของคุณ

ทิปเพื่อสุขภาพดี: นี่คือผัก 6 ชนิดที่เปรียบเสมือน "เกราะป้องกัน" ม.ะเ.ร็.ง ทุกคนควรรู้

9 อาหารห้ามกินคู่กัน เสี่ยง ‘เกิดพิษ’ ในร่างกาย: แพทย์เตือนควรหลีกเลี่ยง

หยุดกินไข่ 4 ประเภทนี้ทันที ไม่เช่นนั้นอาจทำลายตับและไต ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

5 สัญญาณที่บอกว่าหัวใจของคุณกำลัง ‘มีปัญหา’

7 สัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวานที่คุณไม่ควรมองข้าม

กินแบบญี่ปุ่น: 3 อาหาร “ต้านมะเร็ง” และยืดอายุขัย ประเทศไทยมีครบ แถมราคาถูก!

หนึ่งเดือนก่อนหัวใจวาย ร่างกายของคุณจะเตือนด้วย 5 สัญญาณนี้ โดยเฉพาะสัญญาณที่ 3

ขนมปัง "อร่อย ดี ถูก" แต่ มีคน 4 กลุ่มนี้ ที่ไม่ควรรับประทาน

หมอเตือนแล้ว! หากพบเปลือกไข่มี 4 ชั้นนี้ ให้ทิ้งมันทันที อย่าคิดประหยัดจนทำให้ตัวเองเสี่ย

6 อาการในตอนเช้าที่ไม่ควรมองข้าม สัญญาณเตือนโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น

คุณควรรู้ว่ามีผักอยู่ 4 ชนิดที่เป็น “แหล่งอาศัยของพยาธิ” แต่หลายคนยังนิยมกินสด

4 เมนูต้องห้าม ห้ามกินเด็ดขาดหากเก็บค้างคืน

3 ความผิดปกติที่ขา ระวังไว้ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาผิดปกติในร่างกายคุณ (อาจเป็นมะเร็ง)

5 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดความดันโลหิตได้โดยไม่ต้องพึ่งยา ที่คุณสามารถเริ่มทำได้ทันที

มะเร็งกระเพาะอาหารส่วนใหญ่มักถูกตรวจพบในระยะท้าย 5 สัญญาณเตือนเบื้องต้นที่คุณควรใส่ใจ

ผลไม้ 5 ชนิดที่เป็น ‘ราชามะเร็ง’ ขึ้นบัญชีดำเพราะมีปรสิตและสารพิษมากมาย
บทความใหม่

คำสอนจากบรรพบุรุษ: 4 ต้นไม้ที่ปลูกหน้าบ้านทำให้ยากจน แต่ปลูกหลังบ้านช่วยเก็บทรัพย์ เงินทอ

ลักษณะของใบหูบอกได้ว่าคุณเป็นคนเปิดเผยหรือเก็บตัว

สัปดาห์ใหม่เปิดโอกาสทอง: 3 ราศีรับโชคลาภ การงาน และความรักที่สดใส

บรรพบุรุษเตือน: 'เข้าบ้านเจอ 3 สิ่งนี้ ครอบครัวแตกแยก ยากจะร่ำรวย' สิ่งนั้นคืออะไร?

5 นักษัตรที่โชคลาภพูนสุข ความสุขล้นมือในเดือน 5 จีน

ผู้หญิงเพียงแค่เตรียมตัวเงียบๆ 3 ปี โลกทั้งใบจะต้องมองคุณด้วยสายตาที่ต่างออกไป!

12 ราศีกับ ‘นิสัยลับ’ ที่คนไม่ค่อยรู้ – เปิดเผยตัวตนที่ซ่อนอยู่ลึกในใจ

4 ราศีที่ ‘ความรัก’ ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมากในปี 2025 – โอกาสหรือบททดสอบ?

12 ราศีกับวิธีจัดการกับความเครียดที่ใช่สำหรับตัวคุณ: เคล็ดลับผ่อนคลายจิตใจตามสไตล์แต่ละร

4 ราศีที่ ‘ความกลัว’ กำลังขวางทางสู่ความสำเร็จ – เรียนรู้ที่จะก้าวข้าม

5 ราศีที่ ‘เพื่อนรัก’ กลายเป็น ‘ศัตรู’ – ระวังมิตรแท้ปลอมตัว

4 ราศีที่ความรักมักมาพร้อม ‘บทเรียนเจ็บปวด’ แต่ทำให้คุณโตขึ้น

ราศีทั้ง 3 นี้มี “ความโชคดีทางลูกหลาน” ครอบครัวกลมเกลียว ลูกหลานกตัญญู อนาคตสดใส

จุดเปลี่ยนปี 2025: ราศีใด 4 ราศีที่จะเป็นจุดสนใจพร้อมโอกาสทอง?

ถอดรหัสความเสน่ห์อันไม่อาจต้านทาน: 5 ราศีที่ “หมื่นคนรัก”

นับจากเทศกาลเต๊ดโดนหง่อ 4 นักษัตรนี้จะได้รับการเกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ เทพเจ้าแห่งโชค

โบราณว่าไว้: "บ้านใดมี 3 สิ่งนี้ ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรือง คนในบ้านจะมั่งมีศรีสุข" – สิ่งนั้น

เดือน 5 และ 6 นี้ เทพเจ้าโชคลาภเรียกชื่อ! 3 ปีนักษัตรเฮงจัด เห็นทองทางตะวันออก สัมผัสเงินทางต

คุณเห็นอะไรเป็นอย่างแรก? บ่งบอกว่าคุณเป็นคนสิ้นหวังหรือมองโลกในแง่ดี
