สุขภาพ 2025-04-09 08:17:33

ผลไม้ไทยที่มหาเศรษฐีชื่อดังทานทุกเช้า: ศัตรูตัวร้ายของมะเร็ง

ผลไม้ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพนี้ยังหาซื้อได้ง่ายในประเทศไทย ในราคาแค่ไม่กี่สิบบาทต่อกิโลกรัม และเป็น "เคล็ดลับ" ที่มหาเศรษฐีชาวไต้หวันที่มีชื่อเสียงทานทุกเช้าเพื่อรักษาสุขภาพ

มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง TSMC ทานมะละกอทุกวัน

ตามรายงานจาก SCMP, มหาเศรษฐี Morris Chang ผู้ก่อตั้ง TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะนี้อายุ 93 ปี แต่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงและจิตใจที่กระปรี้กระเปร่า หนึ่งในนิสัยที่เขารักษามาตลอดหลายปีคือการทานมะละกอทุกเช้า

นิสัยนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความชอบส่วนตัว แต่ยังได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพอีกด้วย โดย Dr. Trương Gia Minh หัวหน้าภาควิชากรรมพันธุ์จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกในไต้หวัน (ประเทศจีน) กล่าวว่า มะละกอเป็นผลไม้ที่มีความสามารถในการต้านการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง รวมทั้งมะเร็งได้

ทำไมมะละกอถึงได้รับการขนานนามว่า "ซูเปอร์ฟู้ดต้านมะเร็ง"?

มะละกอมีสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ฟลาโวนอยด์, โพลีฟีนอล, เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี สารเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถยับยั้งการทำงานของ NF-κB ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และเป็นตัวการสำคัญในการพัฒนาเซลล์มะเร็ง

การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Molecules แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากมะละกอสามารถลดระดับการอักเสบในระบบร่างกายและช่วยชะลอกระบวนการออกซิเดชันของเซลล์ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการป้องกันมะเร็งและชะลอวัย

เบต้าแคโรทีนในมะละกอยังสามารถป้องกันการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ได้ ขณะที่วิตามินซีช่วยปกป้องดีเอ็นเอจากการกลายพันธุ์ ลดโอกาสการก่อตัวของก้อนเนื้อในระยะเริ่มต้น

มะละกอไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกายโดยรวม แต่ยังมีประโยชน์โดยเฉพาะต่อระบบการย่อยอาหารและลำไส้ ซึ่งถือเป็น "สมองที่สอง" และเป็นศูนย์กลางของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถึง 70%

ไฟเบอร์ในมะละกอทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกธรรมชาติ ช่วยบำรุงแบคทีเรียดีและสมดุลระบบจุลชีพในลำไส้ ส่งผลให้มะละกอช่วยลดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ช่วยการย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก และลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ราคาถูก และใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน

มะละกอมีเอนไซม์ที่เรียกว่า พาไพอิน ซึ่งสามารถย่อยสลายโปรตีนที่แข็งในเนื้อสัตว์ได้ ดังนั้นมะละกอจึงถูกใช้ในการทำให้เนื้อสัตว์นุ่มมานานหลายพันปี

หากมะละกอสุกแล้วสามารถทานสดได้ แต่หากมะละกอยังไม่สุกต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ เพราะมะละกอที่ยังไม่สุกมีน้ำยางซึ่งอาจกระตุ้นการหดตัวของมดลูกได้

มะละกอยังมีเมล็ดสีดำที่สามารถทานได้ แต่มีรสขม มะละกอให้ไฟเบอร์ โปรตีน วิตามิน A, C, โฟเลต, โพแทสเซียม, แคลเซียม, แมกนีเซียม และสารอาหารอื่นๆ

ด้วยรสชาติหอมหวาน นุ่ม ทานง่าย และราคาประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อกิโลกรัม มะละกอจึงกลายเป็น "ซูเปอร์ฟู้ดราคาถูก" ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย

ไม่เพียงแต่ในด้านโภชนาการ มะละกอยังถูกใช้ในยาพื้นบ้านหลายชนิด:

  • เมล็ดมะละกอแห้งบดผสมกับน้ำอุ่น ใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

  • ใบมะละกอล้างน้ำเค็ม ใช้ลดอาการปวดท้องประจำเดือน

  • เมล็ดสดเคี้ยวหรือผสมกับน้ำผึ้ง ใช้ขับพยาธิ

  • น้ำมะละกอใช้ช่วยดีท็อกซ์ตับและขจัดสารพิษ

หมายเหตุ: คำแนะนำเกี่ยวกับยาพื้นบ้านเหล่านี้ควรได้รับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้งาน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือหญิงตั้งครรภ์

 

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่