สุขภาพ 25/10/2025 15:55

ชายวัย 49 ไ.ตว.าย เพราะกิน 3 เมนูสุดโปรด กินนิดเดียวทุกวัน แต่สะสมไปเรื่อยๆ ไ.ตไหนจะทนไห.ว!

ถึงจะรู้ว่าอาหารเหล่านี้ไม่ดีต่อไต แต่คิดว่ากินนิดหน่อยคงไม่เป็นไร สุดท้ายชายคนนี้กลับได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวาย

“ฉันพยายามเตือนให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน แต่เขาไม่ยอมฟังเลย ตอนเห็นเขาเป็นแบบนี้ ฉันเจ็บปวดจนอยากร้องไห้” ภรรยาพูดทั้งน้ำตา สามีวัย 49 ปีของเธอเพิ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวาย ผลนี้ทำให้เธอตกใจมาก ทั้งที่เคยพยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เขาไม่ใส่ใจเลย

Người đàn ông bỗng suy thận vì 3 món ngon: Ngày ăn một ít nhưng kéo dài, thận nào chẳng "suy"!- Ảnh 1.

โรคไตวาย โดยเฉพาะไตวายเรื้อรัง มักเป็นผลสะสมจากพฤติกรรมไม่ดีที่ยาวนาน หลายคนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายในช่วงแรก จนกระทั่งอาการเริ่มชัดเจน โรคก็ลุกลามไปมากแล้ว

โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ชายวัยกลางคน มักมองข้ามสุขภาพของไต ทั้งที่บางพฤติกรรมในชีวิตประจำวันดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่กลับทำร้ายไตอย่างช้าๆ จนเกิดความเสียหายถาวร

3 อาหารที่กินน้อยแต่สะสมไปเรื่อย ๆ จน “พังไต” อย่างรุนแรง

การกินอาหารรสเค็มเป็นนิสัยของหลายคน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศและแม่บ้าน แม้อาหารที่มีเกลือ ไขมัน และน้ำตาลสูงจะช่วยให้รู้สึกอร่อยทันใจ แต่กลับสร้างภาระหนักต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับไต

Người đàn ông bỗng suy thận vì 3 món ngon: Ngày ăn một ít nhưng kéo dài, thận nào chẳng "suy"!- Ảnh 2.

ไตเป็นอวัยวะสำคัญในการกรองของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อเราบริโภคเกลือมากเกินไป ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับโซเดียมออก เมื่อร่างกายได้รับเกลือมากเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไตวาย

องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานเกลือไม่เกินวันละ 5 กรัม แต่ส่วนใหญ่กินเกินกว่านั้นมาก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไต หัวใจ และอาการบวมน้ำ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่ไตฟื้นตัวได้ช้า การกินเค็มต่อเนื่องนาน ๆ อาจเร่งให้เกิดไตวายเรื้อรัง

อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงก็อันตรายเช่นกัน การกินอาหารมันมากเกินไปทำให้อ้วนและเกิดกลุ่มอาการเมตาบอลิก ซึ่งกระทบต่อการทำงานของไต ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น จนค่อย ๆ เสื่อมลงในที่สุด

ดังนั้น การลดปริมาณเกลือ ไขมัน และน้ำตาลให้น้อยลง จะช่วยควบคุมน้ำหนักและปกป้องสุขภาพของไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดื่มชาและกาแฟเข้มก็เป็นอีกนิสัยที่หลายคนชอบ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศและผู้สูงอายุ แม้ชาอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล แต่การดื่มชาเข้มหรือกาแฟเข้มมากเกินไป โดยเฉพาะในเวลากลางคืน จะเพิ่มภาระให้ไตอย่างมาก

ชาและกาแฟมีคาเฟอีนในปริมาณสูง ซึ่งหากบริโภคมากเกินไปเป็นเวลานาน จะลดการไหลเวียนของเลือดไปที่ไต ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น คาเฟอีนยังเพิ่มการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายเสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ส่งผลให้ไตเสื่อมในระยะยาว

Người đàn ông bỗng suy thận vì 3 món ngon: Ngày ăn một ít nhưng kéo dài, thận nào chẳng "suy"!- Ảnh 4.

โดยเฉพาะในผู้ชายอายุเกิน 40 ปี การดื่มชาเข้มบ่อย ๆ ถือเป็น “ฆาตกรเงียบ” ต่อสุขภาพ แม้ไม่มีอาการชัดเจน แต่ผลสะสมจะค่อย ๆ ปรากฏออกมา

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่ดื่มชาในปริมาณมากเป็นเวลานาน มีอัตราการเสื่อมของไตเร็วกว่า คนที่ไม่ดื่ม ดังนั้นควรดื่มชาในปริมาณพอเหมาะ หลีกเลี่ยงชาเข้มและไม่ดื่มในตอนกลางคืน เพื่อช่วยลดภาระให้ไต

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่