ความจริง 20/10/2025 16:31

อย่าชะล่าใจ! กินไข่ต้มผิดวิธีแบบนี้ ร่างกายพัง เสี่ยงโรคร้ายคุกคามโดยไม่รู้ตัว

“ไข่ต้ม” ถือเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน เพราะทำง่าย ให้พลังงานสูง และเต็มไปด้วยโปรตีนที่มีประโยชน์ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า “วิธีการกินไข่ต้ม” หากทำผิดหรือเลือกไม่เหมาะกับร่างกาย ก็อาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว!

ไข่ต้มครึ่งสุกครึ่งดิบ เสี่ยงติดเชื้อ!

หลายคนชอบกินไข่ต้มที่ไข่แดงยังเยิ้ม เพราะคิดว่าอร่อยกว่าและมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่า แต่ในความเป็นจริง ไข่ที่ไม่สุกดีอาจมีเชื้อ ซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย คลื่นไส้ และในบางรายอาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ

กินไข่ต้มมากเกินไป ไขมันพุ่งโดยไม่รู้ตัว

แม้ไข่จะมีโปรตีนดี แต่ในไข่แดงยังมีคอเลสเตอรอลสูง หากกินมากเกินไป เช่น วันละ 3–4 ฟองติดต่อกันนาน ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดอุดตัน ไขมันในเลือดสูง หรือโรคหัวใจได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจอยู่แล้ว

แช่ไข่ต้มทิ้งไว้นาน เสี่ยงเชื้อโรคสะสม

อีกพฤติกรรมหนึ่งที่หลายคนทำผิดโดยไม่รู้ตัว คือการ “ต้มไข่ทิ้งไว้” แล้วกินในวันถัดไปโดยไม่แช่ตู้เย็น ซึ่งอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโต แม้ไข่จะดูปกติจากภายนอก แต่เมื่อรับประทานเข้าไปอาจเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษได้

วิธีต้มไข่และกินไข่ต้มให้ปลอดภัย

แพทย์แนะนำว่า ควรต้มไข่ให้สุกทั่วถึง โดยใช้เวลาอย่างน้อย 7–10 นาที หากต้องการไข่ยางมะตูม ควรเลือกไข่ที่สดและสะอาด และรับประทานทันทีหลังต้ม ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง นอกจากนี้ควรกินไข่วันละ 1–2 ฟองก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน

สรุป

ไข่ต้มแม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ แต่หากกินผิดวิธี ก็อาจกลายเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงได้โดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น ก่อนจะหยิบไข่ขึ้นมาต้ม ควรใส่ใจเรื่อง “ความสุก ความสะอาด และปริมาณที่พอดี” เพื่อสุขภาพที่ดีและปลอดภัยในระยะยาว

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่