สุขภาพ 26/10/2025 19:10

5 พฤติกรรมอันตรายที่ทำร้.า.ยตั.บของคุณ

ตับเป็นหนึ่งในอวัยวะที่ทำงานหนักที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่ในการขับสารพิษ ช่วยย่อยอาหาร เก็บสารอาหาร และควบคุมกระบวนการเผาผลาญต่างๆ

5 thói quen hằng ngày âm thầm gây hại gan - Ảnh 1.

สิ่งที่อันตรายคือ โรคเกี่ยวกับตับมักดำเนินไปอย่างเงียบๆ โดยมีอาการไม่ชัดเจน เช่น เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ จนกระทั่งตับเสียหายมากขึ้น จึงเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองให้เห็นชัดเจน

ต่อไปนี้คือ 5 พฤติกรรมที่อาจกำลังทำร้ายตับของคุณโดยไม่รู้ตัว

1. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

เมื่อพูดถึงโรคตับ หลายคนมักนึกถึงแอลกอฮอล์ ซึ่งไม่ผิดเลย เพราะทุกครั้งที่ดื่ม ตับต้องทำงานหนักเพื่อสลายและขับพิษจากแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย แต่หากดื่มมากเกินไป ตับจะไม่สามารถกำจัดสารพิษได้ทัน ทำให้เกิดการสะสมและทำลายเซลล์ตับ
โรคตับจากแอลกอฮอล์มี 3 ระยะ คือ ตับไขมัน (fatty liver), ตับอักเสบ (alcoholic hepatitis) และตับแข็ง (cirrhosis) ซึ่งหากยังดื่มต่อไป อาจทำให้ตับเสียหายถาวร
แม้จะดื่มในปริมาณ “พอประมาณ” เป็นเวลานาน ก็ยังเป็นอันตราย โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือสูบบุหรี่ ควรจำกัดไม่เกิน 14 หน่วยแอลกอฮอล์ต่อสัปดาห์ (ประมาณเบียร์ 6 แก้ว หรือไวน์ 7 แก้ว) และควรงดดื่มอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ตับได้ฟื้นตัว

2. การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม

แม้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่การกินอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว และอาหารแปรรูปมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับจากการเผาผลาญผิดปกติได้
เมื่อไขมันสะสมในตับมากเกินไป จะทำให้ตับทำงานลดลง อักเสบ และเกิดพังผืด ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะนี้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เนื้อแดง อาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมหวาน และเครื่องดื่มน้ำอัดลม ควรรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว และปลาให้มากขึ้น รวมทั้งดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

3. ใช้ยาลดปวดเกินขนาด

ยา Paracetamol หรือ Acetaminophen เป็นยาลดปวดที่ใช้กันทั่วไป แต่หากใช้เกินขนาด แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ตับเสียหายรุนแรงได้
ตับจะสร้างสารพิษชื่อ NAPQI ระหว่างกระบวนการสลายยา และหากไม่มีสารกลูตาไธโอนเพียงพอในการกำจัด NAPQI จะทำให้เซลล์ตับถูกทำลายอย่างรวดเร็ว การใช้ยานี้ร่วมกับแอลกอฮอล์ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ควรใช้ยาในขนาดที่แพทย์หรือฉลากแนะนำเท่านั้น

4. ขาดการออกกำลังกาย

การไม่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น และเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดไขมันในตับได้ แม้ยังไม่ลดน้ำหนักก็ตาม
เพียงแค่เดินเร็ววันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ก็ช่วยให้สุขภาพตับดีขึ้นได้อย่างชัดเจน

Lười vận động, con đường ngắn nhất đến với ung thư - Nhà thuốc FPT Long Châu

5. การสูบบุหรี่

บุหรี่ไม่เพียงแต่ทำลายปอดและหัวใจ แต่ยังทำร้ายตับด้วย สารพิษหลายพันชนิดในควันบุหรี่เพิ่มภาระในการขับพิษของตับ ทำให้เกิดภาวะออกซิเดชันและการอักเสบของเซลล์ตับ
นอกจากนี้ บุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับอย่างมาก เนื่องจากมีสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น ไนโตรซามีนและไวนิลคลอไรด์

การดูแลตับเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการกินดี พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับบุหรี่ เพื่อให้ “อวัยวะนักสู้” นี้อยู่กับเราไปอีกนาน

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่