สุขภาพ 26/10/2025 22:05

หากดวงตาของคุณมี 3 อาการผิดปกตินี้ ควรไปตรวจสุขภาพตับโดยด่วน!

หากดวงตาของคุณมี 3 อาการผิดปกตินี้ ควรไปตรวจสุขภาพตับโดยด่วน!

หากคุณมีหนึ่งในสามอาการต่อไปนี้ สาเหตุหลักอาจมาจาก “ตับ” ที่ทำหน้าที่ในการเผาผลาญและขับสารพิษออกจากร่างกาย
เมื่อหน้าที่ของตับเริ่มมีปัญหา สารบางอย่างจะสะสมในร่างกายและส่งผลต่อดวงตาผ่านทางกระแสเลือด
ดังนั้น หากมีอาการผิดปกติที่ดวงตา ควรระมัดระวังและอาจต้องไปตรวจตับโดยทันที

ต่อไปนี้คือ 3 สัญญาณผิดปกติของดวงตา ที่หากพบ ควรรีบตรวจตับให้แน่ชัด:


Tình trạng vàng da đột ngột ở lòng trắng mắt được y học gọi là vàng da, và đây có thể là dấu hiệu điển hình của tình trạng chức năng gan bất thường. (Ảnh minh họa)

1. ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ภาวะตาขาวเหลืองหรือ “ดีซ่าน” เป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญของการทำงานของตับที่ผิดปกติ

ตับมีหน้าที่ในการจัดการกับสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเกิดจากการสลายตัวของฮีโมโกลบิน ปกติแล้วตับจะเปลี่ยนสารนี้เป็นน้ำดีและขับออก แต่หากตับมีปัญหา เช่น ตับอักเสบหรือตับแข็ง บิลิรูบินจะสะสมในเลือดและไปเกาะที่ตาขาว ทำให้ดวงตาดูเหลือง

โดยทั่วไป ตาจะเริ่มเหลืองให้เห็นได้ชัดเมื่อระดับบิลิรูบินในเลือดเกิน 2.5 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ในขณะที่คนปกติจะอยู่ต่ำกว่า 1.2 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

นอกจากนี้ ดีซ่านยังอาจมาพร้อมกับอาการอื่น เช่น ผิวเหลืองหรือปัสสาวะสีเข้ม แต่สัญญาณแรกที่สังเกตได้มักจะเริ่มจากดวงตา

มีการวิจัยพบว่า ในผู้ป่วยโรคตับจำนวน 1,000 ราย มีถึง 60% ที่สังเกตเห็นความผิดปกติที่ตาขาวก่อนจะไปพบแพทย์

โดยทั่วไป ยิ่งตาเหลืองเข้มมากเท่าไร ก็ยิ่งบ่งบอกถึงความรุนแรงของโรคตับมากเท่านั้น


2. ตาแห้ง หรือคันตา

หลายคนคิดว่าตาแห้งเกิดจากการจ้องหน้าจอนานหรืออากาศแห้ง แต่จริง ๆ แล้ว หากตับทำงานผิดปกติ ก็อาจส่งผลต่อการหล่อลื่นของดวงตาเช่นกัน

ตับมีส่วนสำคัญในกระบวนการเผาผลาญไขมัน รวมถึงการผลิตและเก็บสะสมวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารจำเป็นต่อสุขภาพของผิวและเยื่อบุดวงตา

หากตับทำงานไม่ดี การดูดซึมหรือเก็บวิตามินเออาจไม่เพียงพอ ทำให้ต่อมผลิตน้ำตาทำงานลดลง ส่งผลให้เกิดตาแห้ง คัน หรือแดงง่าย

ข้อมูลพบว่า ในผู้ป่วยโรคตับไขมัน มีถึง 40% ที่มีอาการตาแห้งเรื้อรัง ซึ่งสูงกว่าคนปกติถึง 20%

การใช้ยาหยอดตาเพียงอย่างเดียวอาจช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถแก้ต้นเหตุได้ สิ่งสำคัญคือต้องฟื้นฟูการทำงานของตับ

ควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ เช่น แครอท ผักโขม และลดการใช้งานสายตาเกินจำเป็น เพื่อไม่ให้ตับทำงานหนัก

หากตาแห้งตลอดเวลา แม้ใช้ยาหยอดตาแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรพิจารณาไปตรวจตับ ไม่ใช่เพียงมองว่าเป็นปัญหาของดวงตาเท่านั้น


Tình trạng khô mắt, ngứa mắt hoặc mờ mắt cũng có thể là dấu hiệu gan bạn có vấn đề. (Ảnh minh họa)

3. ตามัว หรือความดันในลูกตาเปลี่ยนแปลง

ตับมีหน้าที่ควบคุมสมดุลของฮอร์โมนและของเหลวในร่างกาย หากตับทำงานผิดปกติ อาจทำให้การกระจายของของเหลวผิดปกติ และส่งผลต่อความดันภายในลูกตาได้

ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยตับแข็งประมาณ 20% พบว่ามีความดันในลูกตาสูง ซึ่งเกิดจากตับไม่สามารถควบคุมฮอร์โมนอย่าง aldosterone ได้ดี ทำให้ร่างกายกักเก็บโซเดียมและน้ำมากเกินไป

อีกทั้งโรคตับยังอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือเกิดความไม่สมดุลของเกลือแร่ ส่งผลต่อเส้นประสาทตาโดยอ้อม

มีรายงานว่า 15% ของผู้ป่วยโรคตับระยะลุกลาม มีอาการตามัวชั่วคราว ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับภาวะพิษแอมโมเนียในเลือดหรือการขาดสารอาหาร

หากคุณรู้สึกว่าการมองเห็นเริ่มเปลี่ยนไปโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีอาการเหนื่อยล้า เบื่ออาหาร ควรรีบตรวจสุขภาพตับ

แม้ปัญหาการมองเห็นอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่การตรวจตับเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสุขภาพประจำปีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก

ในยุคปัจจุบัน คนจำนวนมากมักนอนดึกและใช้โทรศัพท์ก่อนนอน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายทั้งตับและดวงตา
ดังนั้น หากเริ่มมีอาการตามัว ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตไปพร้อมกับการดูแลสุขภาพตับด้วย.

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่