สุขภาพ 09/11/2025 07:54

สาววัย 17 ปีป่วยไ.ตวาย ต้องฟอกไ.ตไปตลอดชีวิต — หมอเตือน! 3 พฤติกรรมสุดอันตรายที่คนรุ่นใหม่มัก

เรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นกับ “น้องเมย์” (นามสมมติ) สาววัย 17 ปี ที่ดูภายนอกแข็งแรง ร่าเริง และไม่เคยมีโรคประจำตัว แต่วันหนึ่งกลับต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลกะทันหันหลังจากมีอาการหน้าซีด บวม และปัสสาวะลดลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากตรวจอย่างละเอียด แพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็น “ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย” (Chronic Kidney Disease: CKD) ซึ่งหมายความว่าไตของเธอไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป และต้องเข้ารับการฟอกไตตลอดชีวิต

สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ — สาเหตุไม่ได้มาจากโรคทางพันธุกรรมหรือยาแรงใด ๆ แต่เกิดจาก พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ที่ดูเหมือน “เล็กน้อย” แต่สะสมจนกลายเป็นภัยร้ายต่อไต
Suy thận điều trị có thể phục hồi không?

⚠️ หมอเผย 3 พฤติกรรมที่ทำลายไตโดยไม่รู้ตัว

🧂 1. กินอาหารเค็มจัดเป็นประจำ

ในยุคของอาหารสำเร็จรูปและของกินเล่นรสจัด เด็กและวัยรุ่นจำนวนมากติดนิสัยกินเค็มเกินไป เช่น มาม่าบ่อย ๆ ของทอดใส่ผงปรุงรส หรืออาหารฟาสต์ฟู้ด

เกลือ (โซเดียม) ที่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายเก็บน้ำมากขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น และทำให้ไตทำงานหนักเกินไปจนเสื่อมลงเรื่อย ๆ

หมอย้ำว่า “ถ้ายังไม่ลดเค็ม วันนี้อาจแค่บวมน้ำ แต่ในอนาคตอาจต้องฟอกไตแทนที่มันทำงานไม่ได้อีกต่อไป”

🥤 2. ดื่มชานม กาแฟ หรือเครื่องดื่มหวานเกินไป

วัยรุ่นจำนวนมากนิยมดื่มชานมไข่มุก กาแฟเย็น น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มรสหวานทุกวันโดยไม่รู้ว่ามันคือ “ระเบิดน้ำตาล”
Suy Thận Giai Đoạn Cuối: Nguy Hiểm Đến Mức Nào Và Cách Điều Trị Phòng Tránh

น้ำตาลในปริมาณสูงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นและกระทบต่อการทำงานของไตโดยตรง
เมื่อดื่มต่อเนื่องเป็นเวลานาน ร่างกายจะเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคเบาหวาน และไตจะเริ่มเสื่อมตามมาอย่างเงียบ ๆ

“น้ำหวานแก้วเดียวไม่ทำให้ป่วยทันที แต่เมื่อสะสมทุกวัน ไตก็ไม่สามารถทนต่อภาระได้ตลอดไป” หมอกล่าว

💊 3. กินยาบำรุงและยาแก้ปวดพร่ำเพรื่อ

อีกหนึ่งพฤติกรรมที่พบมากในวัยรุ่นยุคใหม่คือการกินยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เช่น ยาแก้ปวดประจำเดือน ยาแก้ปวดหัว หรือยาลดน้ำหนัก

ยาเหล่านี้หลายชนิดมีส่วนประกอบของสารที่ไตต้องกรองออก เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้เนื้อไตถูกทำลายโดยไม่รู้ตัว

แพทย์เตือนว่า “ยาบางชนิดฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ก็ฆ่าเซลล์ไตของเราไปพร้อมกัน”

🏥 สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ไตของเรามักไม่แสดงอาการผิดปกติในช่วงแรก แต่จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนเมื่อใกล้พังแล้ว เช่น

  • ปัสสาวะน้อยลงหรือมีฟอง

  • บวมที่หน้า มือ หรือเท้า

  • เหนื่อยง่าย

  • หน้าซีด เบื่ออาหาร

ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปตรวจเลือดและปัสสาวะโดยทันที

🌿 ป้องกันไตเสื่อมได้อย่างไร?

  1. ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6–8 แก้ว

  2. ลดการบริโภคเกลือและน้ำตาล

  3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลังและยาแก้ปวดโดยไม่จำเป็น

  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  5. ตรวจสุขภาพประจำปี

💔 บทสรุปจากกรณีของน้องเมย์

ปัจจุบันน้องเมย์ต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า

“หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม อยากเตือนเพื่อน ๆ ว่า อย่าคิดว่าเรายังเด็กแล้วร่างกายจะทนได้ตลอดไป...”

สรุป

โรคไตไม่ใช่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป คนหนุ่มสาวยุคใหม่เสี่ยงไม่แพ้กันจากพฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตที่ผิด
เพียงแค่ลดเค็ม ลดหวาน และเลี่ยงการใช้ยามั่ว ก็อาจช่วยให้คุณไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องฟอกไตตลอดไป

🩺 “อย่ารอให้ไตพังแล้วค่อยดูแล เพราะตอนนั้น…อาจสายเกินไป”

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่