ความจริง 27/10/2025 15:37

7 อุปกรณ์ที่แอบกินไฟมากกว่าเครื่องปรับอากาศ – ถอดปลั๊กซะก่อนที่บิลค่าไฟจะพุ่ง!

7 อุปกรณ์ที่แอบกินไฟมากกว่าเครื่องปรับอากาศ – ถอดปลั๊กซะก่อนที่บิลค่าไฟจะพุ่ง!

Image preview

หลายคนคิดว่า เครื่องปรับอากาศ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟมากที่สุดในบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ยังมีอุปกรณ์บางอย่างที่อาจใช้ไฟมากกว่าหรือกินไฟแบบต่อเนื่องแม้ในขณะที่คุณไม่ได้ใช้งาน! อุปกรณ์เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟของคุณสูงขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว มาดูกันว่า 7 อุปกรณ์ที่ควรจับตาและถอดปลั๊กเมื่อไม่ได้ใช้งานมีอะไรบ้าง

1. เครื่องทำน้ำอุ่น

เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าสูงสุดในบ้าน โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้ขดลวดความร้อน ซึ่งสามารถกินไฟได้ถึง 3,500 – 5,500 วัตต์ต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ของเครื่อง หากเปิดใช้งานบ่อยหรือเปิดทิ้งไว้นาน ค่าไฟอาจพุ่งสูงกว่าการเปิดแอร์เสียอีก วิธีประหยัดไฟคือ เปิดเครื่องเฉพาะเวลาที่ต้องใช้ และปิดทันทีเมื่ออาบน้ำเสร็จ

2. เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า

เครื่องซักผ้าโดยเฉพาะแบบที่มี ระบบทำน้ำอุ่น และเครื่องอบผ้าเป็นตัวการที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก โดยเครื่องอบผ้าสามารถใช้ไฟได้ถึง 2,000 – 5,000 วัตต์ต่อชั่วโมง วิธีลดการใช้พลังงานคือ ซักผ้าด้วยน้ำเย็น และตากผ้าให้แห้งตามธรรมชาติแทนการใช้เครื่องอบ

3. เตาอบไฟฟ้าและไมโครเวฟ

เตาอบไฟฟ้าและไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟสูงมาก โดยเตาอบสามารถใช้ไฟถึง 2,000 – 5,000 วัตต์ต่อชั่วโมง ส่วนไมโครเวฟใช้ไฟประมาณ 800 – 1,500 วัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งมากกว่าเครื่องปรับอากาศที่ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25°C เสียอีก หากต้องการประหยัดพลังงาน ควรใช้หม้อหุงข้าวหรือเตาแก๊สเมื่อต้องการอุ่นอาหารเล็กน้อยแทนการใช้เตาอบหรือไมโครเวฟ

4. ตู้เย็นขนาดใหญ่

แม้ว่าตู้เย็นจะไม่ได้ใช้ไฟสูงในครั้งเดียวเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ แต่เนื่องจาก ตู้เย็นต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบ้าน ตู้เย็นขนาดใหญ่หรือแบบ Side-by-Side อาจใช้ไฟฟ้าถึง 150 – 800 วัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งเมื่อรวมทั้งเดือนแล้วอาจกินไฟมากกว่าการเปิดแอร์เสียอีก วิธีประหยัดไฟคือ ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม (4°C สำหรับช่องแช่เย็น และ -18°C สำหรับช่องแช่แข็ง) และอย่าเปิดตู้เย็นบ่อยหรือแช่ของแน่นเกินไป

5. เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่

หลายคนชอบเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ทั้งวัน ซึ่งสามารถใช้ไฟได้ถึง 200 – 500 วัตต์ต่อชั่วโมง หากใช้จอมอนิเตอร์ใหญ่หรือมีอุปกรณ์เสริมเยอะ ค่าไฟจะยิ่งสูงขึ้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต ยังคงใช้ไฟอยู่แม้ไม่ได้ชาร์จอุปกรณ์! วิธีประหยัดไฟคือ ปิดคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน และถอดปลั๊กที่ชาร์จออกเมื่อชาร์จเสร็จ

6. เครื่องเสียงและโทรทัศน์ขนาดใหญ่

โทรทัศน์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ เช่น OLED หรือ QLED TV สามารถใช้ไฟได้ถึง 150 – 400 วัตต์ต่อชั่วโมง และหากเปิดทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน ค่าไฟอาจสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ เครื่องเสียงที่มีซับวูฟเฟอร์และแอมป์ขนาดใหญ่ก็กินไฟไม่น้อย วิธีประหยัดไฟคือ ปิดทีวีและเครื่องเสียงเมื่อไม่ใช้งาน และถอดปลั๊กเพื่อป้องกันไฟฟ้ากินเงียบ (Standby Power Consumption)

7. กล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต (Router)

กล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตหรือ Wi-Fi Router อาจดูเหมือนไม่กินไฟมาก แต่เพราะมันเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มันสามารถใช้ไฟได้ถึง 5 – 20 วัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งรวมกันทั้งเดือนอาจใช้ไฟเกือบเท่ากับตู้เย็นขนาดเล็ก วิธีลดค่าไฟคือ ปิด Router ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ตอนกลางคืนหรือเมื่อต้องออกจากบ้านเป็นเวลานาน

วิธีป้องกันค่าไฟพุ่งสูง
ค่าไฟแพงเพราะอะไร? มีวิธีลดค่าไฟอย่างไรได้บ้าง? – Electron Move

หากต้องการลดค่าไฟฟ้า สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าอุปกรณ์ใดใช้พลังงานสูงและจัดการกับมันอย่างเหมาะสม วิธีที่ช่วยลดค่าไฟได้มีดังนี้:

  • ถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อไม่ได้ใช้งาน เช่น ที่ชาร์จแบตเตอรี่ กล่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่บางชนิด
  • ใช้ปลั๊กไฟแบบมีสวิตช์ปิด-เปิด เพื่อลดการใช้ไฟ Standby Mode
  • เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อให้แน่ใจว่าใช้พลังงานน้อยที่สุด
  • เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน เช่น ปรับอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม ปิดทีวีเมื่อไม่ดู และใช้เตาอบเฉพาะเมื่อจำเป็น

อุปกรณ์เหล่านี้อาจทำให้ค่าไฟของคุณพุ่งสูงโดยไม่รู้ตัว เริ่มต้นจากการสำรวจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและจัดการพวกมันอย่างชาญฉลาด แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในบิลค่าไฟรอบหน้า!

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่