สุขภาพ 19/12/2025 22:13

3 กลุ่มคนไม่ควรกินเส้นขนมจีน ชอบแค่ไหนก็อย่าเผลอหยิบกิน

3 กลุ่มคนไม่ควรกินเส้นขนมจีน ชอบแค่ไหนก็อย่าเผลอหยิบกิน

เมื่ออยู่ในกรณีต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการกินเส้นขนมจีน


nguoi-khong-nen-an-bun-01

ขนมจีนเป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ประเทศเวียดนามมีเมนูขึ้นชื่อจากเส้นขนมจีนมากมายที่ผูกพันกับแต่ละภูมิภาค เช่น ขนมจีนน้ำปู ขนมจีนเนื้อเว้ ขนมจีนหมูย่าง ขนมจีนปลาร้า ขนมจีนกับเต้าหู้และน้ำปลากะปิ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการกินอาหารชนิดนี้


กลุ่มคนที่ไม่ควรกินขนมจีน

ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

ขนมจีนเป็นอาหารที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เส้นขนมจีนทำจากข้าวที่ต้องแช่น้ำประมาณหนึ่งวันเพื่อให้พองตัว ในระหว่างกระบวนการนี้ แป้งจะเกิดการหมัก

ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ เมื่อกินขนมจีนเข้าไปอาจเกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง และย่อยยาก


nguoi-khong-nen-an-bun-03

ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือผู้ที่มีภาวะกระเพาะ–ลำไส้เล็กส่วนต้นอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการกินขนมจีน

ไม่ควรกินขนมจีนในช่วงที่กำลังป่วย

ผู้ที่กำลังเจ็บป่วย มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัว ไม่ควรกินขนมจีน ในช่วงเวลานี้ร่างกายอ่อนเพลีย ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเหมือนปกติ การกินขนมจีนอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องมากขึ้น

นอกจากแป้งข้าวซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักแล้ว ผู้ผลิตบางรายอาจใส่วัตถุเจือปนอาหารที่ไม่ปลอดภัย เช่น สารเรืองแสง สารฟอกขาว หรือบอแรกซ์ ลงในเส้นขนมจีน

เด็กและหญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวัง


nguoi-khong-nen-an-bun-02


เด็กและหญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการกินขนมจีน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารเคมีที่ไม่ปลอดภัย

เมื่อกินขนมจีน ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ สะอาด และได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร หรือทำเส้นขนมจีนเองที่บ้านเพื่อความมั่นใจ


วิธีสังเกตเส้นขนมจีนที่ไม่ปลอดภัย

หากเส้นขนมจีนปนเปื้อนสารทิโนพอล (Tinopal) จะสามารถสังเกตได้ง่าย เพราะสารชนิดนี้มีคุณสมบัติเรืองแสง เมื่ออยู่ในที่มืดจะเห็นสว่างขึ้น

วิธีง่ายที่สุดคือสังเกตสีของเส้นขนมจีน เนื่องจากทำจากข้าวเป็นหลัก เส้นขนมจีนปกติมักมีสีขาวขุ่นหรือสีหม่นเล็กน้อย ส่วนเส้นที่มีบอแรกซ์หรือสารกันบูดมักมีสีขาวใส สว่างผิดปกติ และดูมันวาว

เส้นขนมจีนที่ไม่ใส่บอแรกซ์มักจะนิ่ม เปราะ ขาดง่าย เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเหนียวเล็กน้อยและนุ่ม ในขณะที่เส้นที่มีบอแรกซ์จะเหนียว เด้ง และขาดยาก

ขนมจีนที่ไม่ใช้บอแรกซ์หรือสารกันบูด เมื่อซื้อมาแล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งจะเริ่มเปรี้ยวและบูดเสียง่าย โดยเฉพาะในอากาศร้อน แต่ขนมจีนที่ใส่สารกันบูดสามารถเก็บไว้ได้ 2–3 วันโดยไม่เสีย และเมื่อเคี้ยวจะไม่ค่อยมีกลิ่นรส

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อขนมจีน ไม่ควรเลือกเส้นที่ขาวจ้าและมันวาวผิดปกติ

สามารถใช้หลอดไฟอัลตราไวโอเลต เช่น ไฟตรวจธนบัตร ส่องไปที่เส้นขนมจีน หากเห็นเส้นเรืองแสง แสดงว่ามีการปนเปื้อนทิโนพอล

สำหรับบอแรกซ์ สามารถใช้ชุดทดสอบบอแรกซ์ที่มีจำหน่ายทั่วไปเพื่อตรวจสอบได้ นอกจากนี้ ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน หากโรยผงขมิ้นเล็กน้อยลงบนเส้นขนมจีน แล้วเส้นเปลี่ยนเป็นสีเทา แสดงว่าเป็นเส้นที่มีบอแรกซ์ปนอยู่

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่