ปริมาณแคลเซียมในกระดูกของคนเราจะสูงที่สุดเมื่ออายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นปริมาณแคลเซียมในกระดูกจะค่อยๆ ลดลง เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ปริมาณแคลเซียมในกระดูกจะลดลงอย่างมาก ทำให้มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้น

นอกจากปัจจัยทางสรีรวิทยาและอายุแล้ว พฤติกรรมการกินที่ไม่ดีก็ส่งผลเสียต่อกระดูกและข้อต่อเช่นกัน การบริโภคอาหารต่อไปนี้เป็นประจำจะทำให้ระดับแคลเซียมในกระดูกลดลงอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่การเสื่อมสภาพของกระดูกเร็วขึ้น

แตงกวาดอง

ผักดองเป็นเครื่องเคียงยอดนิยม ผักดองที่ผ่านการหมักมีรสชาติที่น่ารับประทานและช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร อย่างไรก็ตาม ผักดองก็มีข้อเสียต่อสุขภาพอยู่บ้างเช่นกัน

ภาพประกอบ

อาหารจานนี้มีปริมาณโซเดียมค่อนข้างสูง การบริโภคโซเดียมมากเกินไปจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เมื่อระดับเกลือเพิ่มขึ้น ไตจะทำงานหนักขึ้นเพื่อขับโซเดียมออกไป กระบวนการนี้จะทำให้มีการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้กระดูกขาดแคลเซียม นอกจากนี้ การศึกษาต่างๆ ยังแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่มีเกลือสูงในระยะยาวสามารถยับยั้งการดูดซึมและการใช้แคลเซียมในร่างกาย ทำให้กระดูกสูญเสียแคลเซียม และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักได้

นอกจากผักดองแล้ว อาหารอื่นๆ ที่มีโซเดียมสูงและคุณควรลดปริมาณการบริโภค ได้แก่ ซอสถั่วเหลือง ผงชูรส และเนื้อสัตว์แปรรูป

เครื่องดื่มอัดลมเป็นที่นิยมมาก ช่วยให้รู้สึกสดชื่นหลังดื่ม โดยเฉพาะในฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มอัดลมเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลเสียต่อระดับแคลเซียมในร่างกาย

เครื่องดื่มอัดลมมีฟอสฟอรัสในปริมาณมาก ฟอสฟอรัสที่เข้าสู่ร่างกายจะไปรบกวนสมดุลของแคลเซียมและโซเดียม เมื่อปริมาณฟอสฟอรัสมากกว่าปริมาณแคลเซียม ร่างกายจะดึงแคลเซียมจากกระดูกมาขับฟอสฟอรัสออกไป ทำให้ภาวะขาดแคลเซียมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

เค้ก

เค้กเป็นของหวานที่หลายคนชื่นชอบ น้ำตาลเป็นส่วนผสมสำคัญในเค้กทุกชนิด แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน

หลังจากเข้าสู่ร่างกาย น้ำตาลจะผ่านกระบวนการย่อยสลายเป็นน้ำตาล ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย แต่ยังทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียม เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนอีกด้วย

เนื้อติดมัน

เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงไม่เพียงแต่ทำให้เพิ่มน้ำหนักและสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกายได้ง่ายเท่านั้น แต่ยังเร่งการสลายตัวของแคลเซียมในกระดูกเนื่องจากการดูดซึมไขมันและโปรตีนมากเกินไปอีกด้วย