เปิดโปง! 3 เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ทำให้บิลค่าไฟพุ่งโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพูดถึงค่าไฟฟ้าในบ้าน หลายคนมักคิดว่าอุปกรณ์ที่กินไฟมากที่สุดคือ เครื่องปรับอากาศ หรือ ตู้เย็น เพราะเปิดใช้งานกันยาวนาน และเป็นอุปกรณ์หลักของบ้านแต่ละหลัง แต่ความจริงแล้ว มีอุปกรณ์บางอย่างที่ “กินไฟแบบแอบ” มากกว่า และมักถูกมองข้ามไป โดยเฉพาะเมื่อเราไม่ได้ให้ความสนใจในพฤติกรรมการใช้ไฟหรือเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีข้อมูล
ทำไมต้องรู้ว่าอุปกรณ์ใดกินไฟมากที่สุด
– เมื่ออุปกรณ์ใช้พลังงานมากโดยไม่รู้ตัว จะกระทบต่อบิลค่าไฟประจำเดือน และทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายบ้านสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
– การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างมีสติ เช่น เปิดเฉพาะช่วงเวลาที่จำเป็น เลือกรุ่นที่ประหยัดไฟ และตรวจสอบว่าใช้งานอย่างถูกวิธี จะช่วยลดการใช้ไฟโดยรวมได้
– ในหลายประเทศรวมถึงไทย มีรายงานว่า อุปกรณ์ ‘ให้ความร้อน’ หรือ ‘ต้องเปิดใช้งานทันที’ มักกินไฟมากกว่าที่คิดไว้ ถึงแม้เปิดใช้งานเพียงสั้น ๆ ก็สร้างผลกระทบได้
อุปกรณ์ 3 ชิ้น ที่มักเป็น “ตัวดูดไฟ” ในบ้าน
-
เครื่องทำน้ำอุ่น (Electric Water Heater / Instant Water Heater)
รายงานจากไทยชี้ว่าระดับกำลังไฟฟ้าเครื่องทำน้ำอุ่นอาจอยู่ที่ประมาณ 2,500-8,000 วัตต์ โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานเพื่ออาบน้ำอุ่นทันที ซึ่งแม้ใช้งานเพียงไม่กี่นาทีก็อาจกินไฟหลายหน่วยได้
→ หากบ้านสมาชิกหลายคนอาบน้ำอุ่นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ค่าไฟส่วนนี้อาจพุ่งโดยไม่ทันตั้งตัว
→ วิธีจัดการ: ใช้เฉพาะเวลา “จำเป็น” ปรับอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกินไป เลือกรุ่นที่มีฉลากประหยัดไฟ -
เครื่องอบผ้า / เครื่องซักผ้าฝาหน้า พร้อมอบ (Washer-Dryer / Dryer)

แม้จะไม่ได้เปิดใช้งานทั้งวัน แต่เครื่องที่มี “ฟังก์ชั่นอบ” หรือที่ต้องใช้ความร้อนสูง เช่น เครื่องอบผ้า จะกินไฟพอสมควร
→ สำหรับครอบครัวที่ใช้งานบ่อยในช่วงฝนหรือตากผ้าไม่ได้ เครื่องอบผ้าอาจกลายเป็นรายจ่ายใหญ่
→ วิธีจัดการ: หลีกเลี่ยงการใช้บ่อยเกินไป เลือกเวลากลางวันที่อากาศดีตากธรรมดาจะประหยัดกว่า ใช้โหมดประหยัดไฟ -
เครื่องปรับอากาศ (Air Conditioner, A/C)
ถึงแม้จะถูกกล่าวว่าเป็นอันดับต้น ๆ เรื่องการใช้ไฟ แต่หากเทียบกับอุปกรณ์อื่นที่เปิดไม่ยาวนาน หรือเปิดเฉพาะช่วง มันอาจไม่ได้กินไฟมากที่สุดเสมอไป
→ แต่ก็ยังเป็นอุปกรณ์ที่ควรจับตา เพราะเปิดใช้งานนาน เปิดหลายห้อง หรือใช้ BTU สูง ก็ยิ่งกินไฟมาก
→ วิธีจัดการ: เลือกรุ่นอินเวอร์เตอร์ ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม (เช่น 25 °C) ปิดประตู-หน้าต่างให้มิด เปิดเฉพาะเมื่อมีคนอยู่
เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อ “ลดไฟแบบชาญฉลาด”
-
ถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง ๆ เพราะแม้ปิดสวิตซ์แล้ว บางเครื่องยังคงอยู่ในโหมดสแตนด์บายกินไฟ
-
ตรวจสอบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณมีฉลากประหยัดไฟหรือไม่ เลือกรุ่นที่ได้มาตรฐาน
-
จัดเวลาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงในช่วงที่ใช้ไฟฟ้าน้อย (หากโรงไฟฟ้าหรือโครงข่ายไฟมีช่วงชั่วโมง “หลังค่าน้ำ” หรือชั่วโมงที่ค่าไฟถูกกว่า)
-
หมั่นทำความสะอาด ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น / กรองแอร์ เพราะเครื่องที่สกปรกทำงานหนัก ทำให้กินไฟมากขึ้น
สรุป
ในบ้านของคุณ อาจมี “ตัวดูดไฟ” ที่คุณไม่ทันคิดว่าเป็นหัวใจของบิลค่าไฟที่ขึ้นทุกเดือน การเข้าใจว่าอุปกรณ์ใดใช้ไฟมาก และปรับพฤติกรรมการใช้งานให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การปิดแอร์ แต่คือการรู้จักและจัดการทุกอุปกรณ์ในบ้านแบบครบองค์รวม
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็น “จุดอ่อน” ของค่าไฟในบ้านและเริ่มต้นปรับเปลี่ยนได้ตั้งแต่วันนี้ครับ/ค่ะ


































