สุขภาพ 21/12/2025 19:32

ดื่มน้ำแล้วมีสัญญาณ 4 ข้อนี้ ระวังไ.ตใ.กล้ล้.มเห.ลว

หลังจากดื่มน้ำ หากร่างกายปรากฏสัญญาณ 4 ข้อนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าไตกำลัง “ขอความช่วยเหลือ”

ไตถูกเปรียบเสมือน “เครื่องกรองน้ำ” ของร่างกาย ในแต่ละวันอวัยวะนี้ทำหน้าที่กำจัดของเสียจากกระบวนการเผาผลาญ ควบคุมน้ำและอิเล็กโทรไลต์ พร้อมทั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน้าที่ด้านฮอร์โมนที่สำคัญหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม ไตเป็นอวัยวะที่ “เงียบ” แม้จะถูกทำลายหรือบาดเจ็บ ไตอาจไม่แสดงอาการเจ็บปวดหรือชัดเจน ทำให้หลายคนชะล่าใจจนโรคดำเนินไปสู่ระยะรุนแรง

แพทย์ระบุว่า เพียงสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังจากดื่มน้ำ เราก็สามารถตรวจพบสัญญาณเตือนจากไตได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

4 อาการหลังดื่มน้ำที่อาจเป็นสัญญาณภาวะไตวาย

ไตเป็นอวัยวะที่ทนทาน ระยะเริ่มต้นของโรคไตเรื้อรังมักไม่มีอาการชัดเจน จึงทำให้หลายกรณีได้รับการวินิจฉัยล่าช้า หากหลังจากดื่มน้ำแล้วมีอาการดังต่อไปนี้ ควรใส่ใจเป็นพิเศษ

  • อาการบวมน้ำ: ไตมีบทบาทควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย เมื่อหน้าที่ของไตลดลง น้ำส่วนเกินจะไม่ถูกขับออกอย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้บวม ใบหน้าบวม หนังตาบวม มือเท้าบวมผิดปกติ โดยเฉพาะช่วงเช้า อาจเป็นสัญญาณเตือนเริ่มต้น

  • ปัสสาวะกลางคืนเพิ่มขึ้นชัดเจน: ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีมักปัสสาวะกลางคืน 0–1 ครั้ง และปริมาณปัสสาวะกลางคืนประมาณหนึ่งในสามถึงครึ่งหนึ่งของกลางวัน หากปัสสาวะกลางคืนเกิน 2 ครั้ง หรือมีมากกว่า 500 มล. ต่อคืนต่อเนื่องหลายวัน ควรระวัง ภาวะนี้มักพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคไตจากยา โรคไตจากระบบภูมิคุ้มกัน หรือแม้แต่ระยะท้ายของโรคไต

  • ปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ: โดยปกติปัสสาวะอาจมีฟองแต่จะหายเร็วภายในประมาณ 1 นาที หากฟองหายภายใน 5 นาทีถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ตรงกันข้าม หากฟองเล็ก ละเอียด มาก และหายช้า อาจเป็นสัญญาณโปรตีนในปัสสาวะ ซึ่งสัมพันธ์กับความเสียหายของไต

  • ความดันโลหิตสูง: ระบบหัวใจและหลอดเลือดเหมือนระบบหมุนเวียนน้ำ หัวใจคือปั๊มน้ำ ส่วนไตคือ “วาล์วระบาย” ช่วยควบคุมปริมาณเลือดและของเหลวในร่างกาย เมื่อไตทำงานแย่ น้ำที่ดื่มเข้าไปไม่ถูกขับออกดี ของเหลวค้างในหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

นอกจาก 4 อาการนี้แล้ว อาการคันผิวหนัง โลหิตจาง ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า ความจำลดลง นอนหลับยาก เบื่ออาหาร ก็อาจเกี่ยวข้องกับโรคไต ไม่ควรมองข้าม

การดูแลไตควรเริ่มจากนิสัยเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน

แพทย์แนะนำว่ากลุ่มต่อไปนี้ต้องใส่ใจความเสี่ยงต่อไตมากเป็นพิเศษ:

  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคภูมิคุ้มกัน

  • ผู้ที่น้ำหนักเกินหรืออ้วน

  • ผู้ที่ใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน

  • ผู้ที่เคยมีโรคไต ตับอักเสบ คลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำ

  • ผู้ที่ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำบ่อย

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก หรือมักนอนดึก

หากสงสัยว่าไตมีปัญหา ควรพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที ในชีวิตประจำวันควรควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงการทานโปรตีนมากเกินไปในมื้อเดียว ลดเกลือให้น้อยกว่า 5 กรัมต่อวัน จำกัดแอลกอฮอล์ และเลิกสูบบุหรี่

ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่ากลั้นปัสสาวะ ผู้ใหญ่สุขภาพดีควรดื่มน้ำประมาณ 1,500–1,700 มล. ต่อวัน และปรับตามกิจกรรมและสภาพอากาศ ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือปอดต้องทำตามคำแนะนำแพทย์

การใช้ยาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะยาลดปวดลดไข้ ยาปฏิชีวนะกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ และยาสมุนไพรบางชนิดที่มีกรดอะริสโตโลชิก เมื่อมีการติดเชื้อ ต้องใช้ยาตามคำแนะนำแพทย์

ควรสังเกตปัสสาวะเป็นประจำ ใส่ใจสี ปริมาณ ฟอง และจำนวนครั้งปัสสาวะกลางคืน หากผิดปกติควรพบแพทย์เร็วขึ้น ควรรักษาการออกกำลังกาย เช่น เดิน ว่ายน้ำ ไทเก็ก เต้นเบา ๆ ประมาณ 3–5 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้ที่เป็นโรคไตรุนแรงควรเลือกกิจกรรมเบา ๆ ผู้ที่เป็นไตอักเสบเฉียบพลันควรพักตามแพทย์สั่ง

สุดท้าย การตรวจสุขภาพประจำปีมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและเบาหวาน เมื่อได้รับการวินิจฉัยโรคไตแล้วต้องรักษาต่อเนื่อง ห้ามหยุดยาเองแม้อาการดีขึ้น เพราะอาจทำให้โรคดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ และอันตรายมากขึ้น

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่