สุขภาพ 18/10/2025 09:28

ผู้ป่วยโรคเกาต์ ห้ามกินอาหารเหล่านี้เด็ดขาด: เพื่อให้สุขภาพมั่นคงและบรรเทาอาการปวด

โรคเกาต์ (Gout) เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกายมากเกินไป กรดยูริกที่มีปริมาณสูงจะตกผลึกสะสมตามข้อต่าง ๆ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง และร้อน โดยเฉพาะบริเวณข้อเท้า ข้อเข่า หรือข้อนิ้วหัวแม่เท้า เมื่อเกิดการอักเสบ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบขยับไม่ได้ และหากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแลอย่างถูกต้อง อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้

สิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมโรคเกาต์ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพราะอาหารหลายชนิดมีส่วนทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น การหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทจึงเป็นวิธีสำคัญในการลดอาการปวดและควบคุมโรคให้อยู่ในภาวะสมดุล
Cà chua chứa sắt, bổ máu, là “thuốc” hạ đường huyết

1. เครื่องในสัตว์
ตับ ไต หัวใจ และเครื่องในอื่น ๆ มีสารพิวรีนสูงมาก เมื่อร่างกายย่อยสลายสารนี้จะเกิดกรดยูริกเพิ่มขึ้น จึงควรงดอาหารประเภทนี้โดยเด็ดขาด เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดอาการเกาต์กำเริบ

2. เนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป
เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ รวมถึงอาหารแปรรูปอย่างไส้กรอก เบคอน หรือแฮม มีทั้งสารพิวรีนและไขมันสูง ซึ่งไม่เพียงทำให้ระดับกรดยูริกเพิ่มขึ้น แต่ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของไตอีกด้วย ผู้ป่วยควรลดปริมาณเนื้อแดง และหันมารับประทานเนื้อขาว เช่น เนื้อปลา หรือเนื้อไก่ในปริมาณที่เหมาะสมแทน

3. อาหารทะเลบางชนิด
อาหารทะเลอย่างกุ้ง ปู หอย ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล มีพิวรีนสูงเช่นกัน การรับประทานบ่อยครั้งจะเพิ่มโอกาสให้เกิดการสะสมของกรดยูริกในร่างกายมากขึ้น ควรเลือกบริโภคอาหารทะเลที่มีพิวรีนต่ำ และจำกัดปริมาณเพื่อลดความเสี่ยง

4. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ระดับกรดยูริกพุ่งสูง และยังรบกวนการทำงานของไตในการขับกรดยูริกออกจากร่างกาย โดยเฉพาะเบียร์ซึ่งมีพิวรีนอยู่ในตัว ผู้ป่วยโรคเกาต์จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อป้องกันการกำเริบของอาการ

5. อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
น้ำตาล โดยเฉพาะฟรุกโตส เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายผลิตกรดยูริกเพิ่มขึ้น อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน และเครื่องดื่มชูกำลัง จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยเกาต์ ควรหันมาดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ แทน เพื่อช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกได้ดีขึ้น

6. ผักบางชนิดที่มีพิวรีนสูง
ถึงแม้ว่าผักส่วนใหญ่จะดีต่อสุขภาพ แต่บางชนิด เช่น หน่อไม้ เห็ด ผักโขม และชะอม มีปริมาณพิวรีนในระดับปานกลางถึงสูง หากผู้ป่วยอยู่ในช่วงมีอาการ ควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณน้อย เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพิวรีนมากเกินไป

แนวทางดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์
นอกจากการควบคุมอาหารแล้ว ผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละอย่างน้อย 2–3 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขับกรดยูริกออกทางไตได้ดีขึ้น ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง และเชอร์รี่ ซึ่งช่วยลดระดับกรดยูริกได้ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ควรรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหารทอดหรือมันจัด และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและลดการอักเสบในข้อ

การหลีกเลี่ยงอาหารที่กล่าวมาข้างต้นอาจดูยุ่งยากในช่วงแรก แต่หากทำได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยโรคเกาต์จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพโดยรวมและความถี่ของอาการปวด การดูแลตนเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ลดความเจ็บปวด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่