สุขภาพ 18/10/2025 17:28

เด็กชายวัย 3 ขวบถูกกาวร้อน (502) กระ.เด็นเข้าต.า การตัดสินใจของแม่ภายใน ‘30 วินาทีทอง’ ช่วยลูกไม่

อุบัติเหตุในบ้านมักเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่ยังไม่รู้จักอันตราย หนึ่งในอุบัติเหตุที่น่ากลัวที่สุดคือ “กาวร้อนกระเด็นเข้าตา” เพราะกาวชนิดนี้มีสารเคมีรุนแรง สามารถทำลายเยื่อบุตาและกระจกตาได้ในไม่กี่วินาที หากไม่รีบปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธี เด็กอาจสูญเสียการมองเห็นได้ถาวร เรื่องราวนี้เกิดขึ้นจริงกับเด็กชายวัย 3 ขวบคนหนึ่ง แต่โชคดีที่แม่ของเขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องใน “30 วินาทีทอง” จนช่วยลูกไว้ได้ทันเวลา

👦 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด

เหตุเกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เด็กชายกำลังเล่นอยู่ในห้องทำงานของพ่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาหยิบขวดกาวร้อน (502) มาเล่น และบีบกาวออกโดยไม่ตั้งใจ กาวกระเด็นเข้าตาทันที เด็กส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ตาปิดแน่น น้ำตาไหล และเริ่มตื่นตระหนก

เมื่อแม่ได้ยินเสียงลูก เธอรีบวิ่งเข้ามาดู และเห็นว่ากาวบางส่วนติดอยู่บริเวณขนตาและหางตา เธอรู้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ และทุกวินาทีต่อจากนี้มีค่าอย่างยิ่ง

🕐 “30 วินาทีทอง” ที่ช่วยชีวิตดวงตา

แทนที่จะพยายามดึงกาวออกด้วยมือหรือเช็ดด้วยผ้า (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง) คุณแม่รีบคว้าขวดน้ำสะอาดและเทล้างตาลูกทันทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กาวอ่อนตัวลงและลดอุณหภูมิของสารเคมี เธอล้างตานานเกือบ 5 นาที จากนั้นรีบพาลูกไปโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

เมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ล้างตาเพิ่มเติมและใช้สารละลายพิเศษเพื่อลดการเกาะตัวของกาว ตรวจสอบพบว่าเยื่อบุตามีการระคายเคืองเล็กน้อย แต่โชคดีที่กระจกตาไม่ได้รับความเสียหายรุนแรง

แพทย์กล่าวชื่นชมคุณแม่ว่า “การล้างตาทันทีในช่วง 30 วินาทีแรกคือสิ่งที่ช่วยลูกไว้ เพราะถ้าช้ากว่านี้เพียงไม่กี่นาที กาวอาจแข็งตัวบนกระจกตา และอาจต้องผ่าตัดหรือถึงขั้นตาบอดได้”

⚠️ ทำไมกาวร้อนถึงอันตรายมาก

กาวร้อน (หรือกาว 502) มีส่วนประกอบหลักคือไซยาโนอะคริเลต (Cyanoacrylate) ซึ่งสามารถแข็งตัวได้ภายในไม่กี่วินาทีเมื่อสัมผัสกับความชื้น เช่น น้ำตา หากโดนผิวหนังอาจแค่ติดกัน แต่ถ้าเข้าตา จะทำให้เนื้อเยื่อรอบดวงตาไหม้และเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง

🧴 วิธีปฐมพยาบาลเมื่อ “กาวร้อนเข้าตา”

  1. ห้ามขยี้ตาหรือพยายามลอกกาวออกเองเด็ดขาด เพราะอาจทำให้กระจกตาเป็นแผล

  2. รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือทันที อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 10 นาที

  3. ห้ามใช้น้ำร้อนหรือน้ำยาเคมีอื่นล้างตา เพราะจะยิ่งทำให้แผลไหม้รุนแรงขึ้น

  4. รีบนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที โดยไม่รอให้กาวแข็งตัวหรือเจ็บน้อยลง

👩‍👦 บทเรียนที่มีค่ากับทุกครอบครัว

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ที่เตือนให้ผู้ปกครองทุกคน “เก็บสารเคมีและของอันตรายให้พ้นมือเด็ก” ไม่ว่าจะเป็นกาว น้ำยาทำความสะอาด น้ำหอมปรับอากาศ หรือของใช้ในบ้านอื่น ๆ เพราะเด็กเล็กมีความอยากรู้อยากเห็นสูงและไม่รู้จักความอันตราย การป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าการแก้ไข

สรุป:
เพียงการตัดสินใจที่ถูกต้องใน “30 วินาทีทอง” ของคุณแม่ ทำให้เด็กชายรอดพ้นจากอันตรายที่อาจทำให้ตาบอดไปตลอดชีวิต เรื่องนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ แต่สติและความรู้คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตคนที่เรารักไว้ได้ในยามคับขัน

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่