ฉันเคยโกรธสามีที่ออกจากบ้านตลอด จนกระทั่งติดกล้องและได้เห็นภาพที่บันทึกไว้ ฉันถึงกับเสียใจจนพูดไม่ออก
คืนนั้นเขายังคงกลับบ้านดึกเหมือนเดิม ยังเงียบขรึมเหมือนเคย แต่พอฉันมองเขา อยู่ ๆ ก็รู้สึกแสบจมูก น้ำตาคลอขึ้นมา
หลังแต่งงาน ฉันเลือกอยู่กับแม่แท้ ๆ ของตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเป็นทางออกที่สะดวกสำหรับทั้งสามคน แม่ก็อายุมากแล้ว คุ้นชินกับบ้านหลังเดิม ส่วนฉันเป็นลูกสาวคนเดียว พาแม่มาอยู่ด้วยก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน สามีฉันกลับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด กลับมาก็ค่ำมืด บางคืนฉันหลับไปแล้ว เขาถึงค่อยเปิดประตูเข้ามาเงียบ ๆ เบาจนรู้ตัวอีกทีก็ตอนเตียงขยับ เขากลับบ้านก็อาบน้ำ แล้วขึ้นเตียงนอนหันหน้าเข้ากำแพง ไม่ถามไถ่อะไร มื้ออาหารพร้อมหน้ากันก็น้อยลง บางสัปดาห์เขาไม่ได้กินข้าวร่วมกับแม่ลูกฉันสักมื้อเดียว
ฉันคิดง่าย ๆ ว่าเขาคงไม่ชอบแม่ฉัน อยากหลีกเลี่ยงการเจอหน้า และก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลให้คิดแบบนั้น แม่ฉันเป็นคนพูดมาก ชอบบ่นไปเรื่อย บ่นตั้งแต่ราคาผักในตลาดแพง ปวดหลัง วันนี้ฉันกลับบ้านดึกไม่มีใครคุย ทุกครั้งที่เขาเพิ่งก้าวเข้าบ้าน แม่ก็เริ่มเล่าไม่หยุด เหมือนแค่อยากมีคนฟัง เขาเงียบ เปลี่ยนรองเท้า แล้วเดินเข้าห้องไปตรง ๆ บางวันแม่เพิ่งถอนหายใจจบ เขาก็ลุกออกไป บอกว่าจะไปเจอเพื่อน
ฉันเคยเห็นแววตาเขาไม่สบายใจเวลาแม่พูดถึงเรื่องเก่า ๆ เรื่องพ่อฉันเสียตั้งแต่ฉันยังเด็ก เรื่องชีวิตที่ลำบากในอดีต ฉันเคยได้ยินเขาพูดลอย ๆ แค่ว่า “เหนื่อยจริง ๆ” เพียงประโยคเดียวก็เพียงพอให้ฉันสรุปในใจว่า เขาเกลียดการอยู่ร่วมกับแม่ฉัน
ครั้งหนึ่งฉันโมโห ถามเขาตรง ๆ ว่าทำไมถึงชอบหลบหน้า เขาแค่บอกว่างานเยอะ ฉันไม่เชื่อ งานอะไรถึงยุ่งทั้งวันทั้งคืน แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่อยู่บ้าน แต่ฉันก็ไม่พูดต่อ เพราะกลัวจะทะเลาะกัน
ช่วงหลัง ๆ ฉันเริ่มสังเกตว่าแม่มีอาการแปลก ๆ ท่านขี้ลืม บางวันหุงข้าวแล้วลืมปิดเตา บางวันพับผ้าห่มก็ทำอยู่นานไม่เสร็จ ฉันออกไปทำงานทั้งวัน ในบ้านเหลือแม่อยู่คนเดียว ฉันเป็นห่วง เลยติดกล้องวงจรปิดเล็ก ๆ ไว้ตามมุมต่าง ๆ บอกแม่ว่าเพื่อจะได้สบายใจ
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ได้เห็น จะทำให้ฉันนั่งนิ่งไปทั้งตัว
ภาพตอนกลางวันแสดงให้เห็นว่าแม่ใช้ชีวิตเชื่องช้า บางครั้งยืนเหม่อลอย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกตะลึง คือช่วงเวลาตอนเที่ยงหรือบ่ายต้น ๆ ตอนที่ฉันยังอยู่บริษัท
สามีกลับบ้านเร็วกว่าที่ฉันคิด เขาเปิดประตูเบามาก วางกระเป๋า แล้วเดินเข้าครัวทันที เขาหุงข้าว ทำกับข้าวง่าย ๆ ที่แม่ชอบกิน บางวันเขายืนข้าง ๆ สอนแม่ปรุงรส แม้แม่จะทำไปบ่นพึมพำไป บางครั้งเขาเช็ดโต๊ะที่แม่ทำอาหารหกเลอะ หรือจัดรองเท้าที่แม่วางเกะกะไว้หน้าประตู ทุกอย่างดูเหมือนเขาทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
กลายเป็นว่าผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเย็นชา ไม่ชอบแม่ยาย กลับเป็นคนอ่อนโยนและใส่ใจขนาดนี้
คืนนั้นเขายังคงกลับบ้านดึก ยังพูดน้อยเหมือนเดิม แม่ฉันก็ยังบ่นสองสามประโยคตามเคย ฉันมองเขา แล้วรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาอีกครั้ง บางทีเขาอาจไม่ได้เกลียดแม่ฉัน เขาแค่ทนไม่ไหวกับคำบ่นซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ ที่ฟังแล้วเหนื่อยใจ เขาเลือกจะหลีกออกมา แต่ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
เมื่อรู้ความจริงแบบนี้ หัวใจฉันเหมือนยกของหนักออกไปได้ก้อนหนึ่ง ทุกอย่างเบาลงอย่างประหลาด และฉันก็รักสามีมากขึ้นกว่าเดิม






































