ความรัก 10/12/2025 22:03

ยืนอยู่หลังบานประตู ได้ยินลูกเลี้ยงทั้งสองของสามีคุยกัน แล้วฉันช็อกจนทรุดลงกับพื้น

ยืนอยู่หลังบานประตู ได้ยินลูกเลี้ยงทั้งสองของสามีคุยกัน แล้วฉันช็อกจนทรุดลงกับพื้น
ฉันไม่ได้โทษพวกเขาเลยจริง ๆ ฉันแค่เสียใจ… เพราะบางสิ่งที่ฉันมอบให้หมดใจ แต่ก็ยังไม่เคย “เพียงพอ”


Ở đời, mãi để bố mẹ lo lắng là sự bất hiếu lớn nhất: Với bố mẹ, sức khỏe  của con còn quan trọng hơn tiền con kiếm, vị trí con ngồi

ฉันอายุเพิ่งก้าวเข้าสู่ 49 ปี ส่วนลูกของสามี—คนโตอายุ 28 ปี คนเล็ก 26 ปี ทั้งสองเรียนจบมหาวิทยาลัยและทำงานมาหลายปีแล้ว ฉันเลี้ยงพวกเขาตั้งแต่ยังอายุ 2 และ 4 ขวบ—ช่วงวัยที่พวกเขายังไม่รู้เรื่องอะไรของโลกนี้ด้วยซ้ำ ฉันดูแลทุกอย่าง: พาไปโรงพยาบาล, สอนเขียน สอนอ่าน, ทำกับข้าวให้กินทุกมื้อ, เฝ้าไข้, ไปประชุมผู้ปกครอง… ฉันรักและดูแลพวกเขาเหมือนลูกแท้ ๆ โดยไม่เคยคิดคำนวณอะไรเลย

วันที่ลูกทั้งสองสอบเข้ามหาวิทยาลัย สามีฉันถึงกับร้องไห้ เขาบอกว่าตลอดชีวิตนี้เขารู้สึกขอบคุณฉันมาก แต่คำว่าขอบคุณ… ไม่ได้ช่วยอะไรได้เมื่อในบ้านมีปัญหา มีบางอย่างที่ฉันไม่อาจแตะถึง แม้ว่าฉันจะพยายามมาครึ่งชีวิตแล้วก็ตาม

สัปดาห์ก่อน หลังอาหารเย็น ฉันได้ยินลูกทั้งสองคุยกันในห้อง客 ฉันเดินผ่าน แต่พอเห็นประตูปิดไม่สนิทก็หยุดยืนโดยไม่ตั้งใจ

ลูกชายพูดว่า:
“ช่วงนี้แม่อ่อนแอขึ้นนะ พี่คิดว่าจะรับแม่มาอยู่ด้วย ยังไงท่านก็เป็นแม่แท้ ๆ”

ลูกสาวก็พยักหน้า บอกว่าเป็นห่วงแม่ กลัวแม่อยู่คนเดียว เวลาเจ็บป่วยไม่มีใครดูแล


Đứng sau cánh cửa, nghe được 2 đứa con riêng của chồng nói chuyện mà tôi sốc đến mức ngã quỵ- Ảnh 1.


แค่ได้ยินเท่านี้… ฉันก็รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึง แม่แท้ ๆ ของพวกเขา หัวใจฉันบีบรัด แต่ยิ่งเจ็บกว่ามากเมื่อได้ยินลูกชายพูดต่อว่า:
“แต่ให้แม่มาอยู่กับป้า ‘ลี่’ คงไม่เหมาะนะน้อง หาบ้านเช่าเล็ก ๆ ใกล้ ๆ ให้ป้าอยู่ได้ไหม?”

ฉันยืนอยู่ตรงนั้น มือยังถือผ้าเช็ดโต๊ะ แต่จู่ ๆ ผืนผ้านั้นกลับหนักเหมือนก้อนหินใหญ่ ทั้งสองคนไม่ใช่เด็กนิสัยแย่ ไม่เคยเสียมารยาทด้วยซ้ำ แต่คำพูดที่หลุดออกมาทำให้ฉันรู้ว่า—ในใจพวกเขา ฉันไม่เคยเป็น “แม่” จริง ๆ ของพวกเขาเลย
พวกเขาไม่เคยคิดว่าฉันรู้สึกอย่างไร… ฉันก็แค่เหมือนคนดูแลบ้านคนหนึ่ง ที่เมื่อไม่จำเป็นแล้ว ก็สามารถให้ไปอยู่ห้องเช่าได้เหมือนของวางที่เกะกะ

คืนนั้นฉันนั่งอยู่คนเดียว เปิดดูรูปเก่า ๆ: รูปที่ฉันอุ้มลูกชายในวันเปิดเทอมประถม เขาตัดผมสั้นกุดและร้องไห้ลั่นเพราะกลัวช่างตัดผม… รูปตอนลูกสาวกอดฉันแน่นในวันที่พาไปหาหมอฟัน ทุกความทรงจำเหล่านั้น… กลายเป็นสิ่งที่มีเพียง “ฉันคนเดียว” เท่านั้นที่จำและเห็นค่ามัน

สามีรู้เรื่องทั้งหมด เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกว่า:
“เด็กมันโตแล้ว อย่าใส่ใจเลยนะ พวกมันก็เลือดเนื้อเชื้อไขของกันและกัน…”
ฉันได้แต่ยิ้ม ใช่… พวกเขาผูกพันกันด้วยสายเลือด ส่วนฉันก็เป็นเพียงคนนอกเท่านั้น

เช้านี้ ฉันตื่นแต่เช้าเตรียมอาหารเหมือนทุกวัน ลูกทั้งสองยังคงทักทายฉันอย่างนอบน้อม ยังคงเรียกฉันว่า “ป้า” ยังคงยิ้ม และสุภาพเหมือนเดิม ฉันก็ยิ้มกลับ แต่ลึก ๆ ในใจของฉันรู้ดีว่า มีบางอย่างแตกหักไปแล้ว
แตกแบบรอยร้าวเล็ก ๆ ที่ก้นแก้ว—ภายนอกยังดูปกติ แต่แค่รินน้ำร้อนอีกนิดก็แตกทันที

ฉันไม่โทษพวกเขาเลยจริง ๆ
ฉันแค่เสียใจ… ที่บางสิ่งที่ฉันให้หมดทั้งชีวิต ก็ยังไม่พอจะทำให้ฉันมี “ที่ยืน” ในหัวใจพวกเขา

ตอนนี้ฉันเอาแต่คิดว่า—ถ้าวันหนึ่งพวกเขารับแม่แท้ ๆ มาอยู่จริง ๆ
ฉันจะต้องย้ายออกไปใช่ไหม?
ฉันควรยื้อไว้ หรือควรเดินออกมาอย่างเงียบ ๆ เพื่อรักษาความสงบที่เหลืออยู่อันน้อยนิด?

ฉันควรทำอย่างไร… เพื่อให้ไม่หักหลังหัวใจของตัวเอง?

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่