ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น องุ่นดำ สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รี บลูเบอร์รี ฯลฯ อุดมไปด้วยไฟโตเคมีคอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี และซี ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่คือแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารที่ให้สีสันสดใสสวยงามแก่ผลไม้เหล่านี้ แอนโทไซยานินช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและชะลอความเสื่อมของสมองที่เกิดจากอายุ การรับประทานผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทุกวันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มความจำและป้องกันความเสียหายของผิวหนังจากแสงแดด

ถั่ว
ถั่วอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น แมกนีเซียม สังกะสี เหล็ก ทองแดง และกรดไขมันโอเมก้า 3 ถั่วบางชนิด เช่น อัลมอนด์ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ซ่อมแซมความเสียหาย และปกป้องผิวจากแสงแดด การโรยถั่วผสมลงบนสลัดหรือรับประทานเป็นของว่างสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยได้ อัลมอนด์ยังอุดมไปด้วยไขมัน โปรตีน และวิตามิน ซึ่งช่วยต่อต้านการอักเสบและลดอาการของโรคผิวหนังอักเสบ เนื่องจากเปลือกของถั่วมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงไม่ควรทิ้งเมื่อรับประทาน
โยเกิร์ต (นมหมัก)
โยเกิร์ตผสมน้ำผึ้งเป็นอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและดีต่อระบบย่อยอาหาร ในขณะที่น้ำผึ้งช่วยป้องกันอาการความจำเสื่อมและลดความวิตกกังวล กรดแลคติกในโยเกิร์ตช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กระชับรูขุมขน และลดสิว นอกจากนี้ โยเกิร์ตยังช่วยต่อต้านเชื้อราที่ทำให้เกิดรังแค ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดูแลความงามตามธรรมชาติ คุณไม่เพียงแต่สามารถรับประทานได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำส่วนผสมของโยเกิร์ตและมะนาวมาทาผิวเพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย
ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองมีไอโซฟลาโวน ซึ่งช่วยป้องกันริ้วรอยที่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคกระดูกพรุน หากคุณอยู่ในวัยหมดประจำเดือน ถั่วเหลืองอาจช่วยปรับระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น เต้าหู้และนมถั่วเหลือง สามารถช่วยรักษาคอลลาเจนเพื่อผิวที่กระชับขึ้นและป้องกันริ้วรอยได้
อะโวคาโด
ผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยชะลอความแก่และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ อะโวคาโดมีสารอาหารสำคัญหลายอย่างที่ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมถึงช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีน ซึ่งระดับสูงอาจนำไปสู่ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ วิตามินเคและไขมันดีในอะโวคาโดช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบและส่งเสริมสุขภาพกระดูก ไฟเบอร์ในอะโวคาโดก็มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารเช่นกัน โพแทสเซียมและแมกนีเซียมในอะโวคาโดช่วยลดความดันโลหิตและป้องกันโรคหัวใจ อะโวคาโดยังมีลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติสองชนิดที่ช่วยปกป้องดวงตาจากรังสี UV ป้องกันการเกิดต้อกระจกในอนาคต































