ไข่เป็นอาหารพื้นฐานที่แทบทุกบ้านต้องมีติดครัว เพราะหาซื้อง่าย ราคาย่อมเยา และให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ไข่ทุกฟองหรือทุกประเภทที่จะปลอดภัยสำหรับการบริโภคเสมอไป หากเลือกซื้อหรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี ไข่อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสารอันตรายโดยที่เราไม่รู้ตัว ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารจึงเตือนว่า มีไข่อยู่ 4 ประเภทที่ไม่ควรซื้อ และหากพบว่ามีอยู่ที่บ้าน ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำมารับประทานเพื่อความปลอดภัย
ประเภทแรกคือ ไข่ที่มีเปลือกแตกร้าวหรือชำรุด แม้จะเป็นรอยร้าวเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าอันตราย เพราะเปลือกไข่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเชื้อโรค เมื่อเปลือกแตก แบคทีเรียสามารถแทรกซึมเข้าไปในไข่ได้ง่าย โดยเฉพาะเชื้อซัลโมเนลลา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย หรืออาเจียน หลายคนเสียดาย คิดว่ายังนำมาปรุงสุกได้ แต่ความเสี่ยงต่อสุขภาพนั้นสูงกว่าที่คิดมาก
ประเภทที่สองคือ ไข่ที่มีกลิ่นผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นคาวแรง กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นเปรี้ยว เมื่อแตกไข่ออกมาแล้วได้กลิ่นแปลก ๆ ควรทิ้งทันทีโดยไม่ลังเล นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าไข่เริ่มเน่าเสียแล้ว การนำมาปรุงอาหารต่อไม่สามารถกำจัดสารพิษหรือเชื้อโรคได้ทั้งหมด และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่รับประทานเข้าไป
ประเภทที่สามคือ ไข่ที่เก็บไว้นานเกินไปหรือไม่ทราบแหล่งที่มา ไข่ที่วางขายโดยไม่มีวันผลิตหรือวันหมดอายุชัดเจน มีความเสี่ยงสูง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าไข่นั้นถูกเก็บมานานแค่ไหน ไข่เก่าจะมีคุณค่าทางอาหารลดลง และมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคมากขึ้น หากพบว่าไข่ที่บ้านเก็บไว้นานจนไข่ขาวเหลวผิดปกติหรือไข่แดงแตกง่าย ก็ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค
ประเภทสุดท้ายคือ ไข่ที่ผ่านการแปรรูปหรือหมักดองโดยไม่ได้มาตรฐาน เช่น ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า หรือไข่แปรรูปที่ทำเองโดยไม่สะอาด หากกระบวนการผลิตไม่ถูกสุขลักษณะ อาจมีการปนเปื้อนของสารเคมี โลหะหนัก หรือเชื้อโรคได้ โดยเฉพาะไข่แปรรูปที่ไม่มีฉลากหรือแหล่งผลิตชัดเจน ผู้บริโภคควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
จากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า การกินไข่ให้ปลอดภัยไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การปรุงสุกอย่างเดียว แต่เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อ การสังเกตลักษณะ และการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง หากพบว่าไข่เข้าข่าย 4 ประเภทข้างต้น ไม่ควรเสียดายนำมารับประทาน เพราะสุขภาพของเราและคนในครอบครัวสำคัญกว่ามาก การรู้เท่าทันและใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครัว คือกุญแจสำคัญของการกินดี อยู่ดี อย่างแท้จริง




























