สุขภาพ 27/10/2025 22:04

หญิงวัย 34 ปีเป็นโรค ตั.บแข็ง กินเต้าหู้ทุกวัน นานครึ่งปี ผลตรวจออกมาทำเอาหมอถึงกับอึ้ง!

หญิงวัย 34 ปีเป็นโรค ตั.บแข็ง กินเต้าหู้ทุกวัน นานครึ่งปี ผลตรวจออกมาทำเอาหมอถึงกับอึ้ง!

หญิงคนนี้กินเต้าหู้อย่างสม่ำเสมอทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน — แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาไม่เป็นอย่างที่คิดเลย...

สำหรับผู้ป่วยโรคตับแข็ง “อาหาร” ถือเป็นแนวทางการรักษาที่สำคัญไม่แพ้ยา ในบรรดาอาหารที่คนชอบรับประทาน เต้าหู้มักถูกมองว่าเป็น “สุดยอดอาหารเพื่อบำรุงตับ” แต่แพทย์เตือนว่า หากกินให้ถูกวิธี เต้าหู้มีประโยชน์จริง — ทว่าถ้ากินผิดอาจทำให้ตับแย่ลงกว่าเดิม

Người phụ nữ 34 tuổi bị xơ gan ngày nào cũng ăn đậu phụ, nửa năm sau nhận kết quả không thể ngờ- Ảnh 1.

🍽 เต้าหู้ – ดาบสองคมของคนเป็นโรคตับ

✅ แหล่งโปรตีนพืชที่มีคุณค่า:
โปรตีนจากถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน และไม่มีคอเลสเตอรอล ผู้ป่วยตับแข็งที่กินเต้าหู้วันละ 100–150 กรัม จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับโดยไม่ทำให้กระบวนการเผาผลาญทำงานหนักเกินไป

⚠️ แต่ก็มีความเสี่ยง:
เต้าหู้มีสาร ไฟโตเอสโตรเจน ที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง หากบริโภคมากเกินไปอาจรบกวนสมดุลฮอร์โมน นอกจากนี้ เต้าหู้อุตสาหกรรมบางประเภทใช้สารทำให้แข็งที่มีโซเดียมสูง ทำให้ตับและไตทำงานหนัก แพทย์แนะนำให้เลือกเต้าหู้สดแบบดั้งเดิม หลีกเลี่ยงการทอดหรือต้มกับเครื่องปรุงรสจัด


💡 หลักการกินที่ถูกต้องสำหรับผู้ป่วยตับแข็ง

  • สมดุลระหว่างโปรตีนสัตว์และโปรตีนพืช:
    สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 1:1 เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีโดยไม่เพิ่มภาระให้ตับ นอกจากเต้าหู้แล้ว ควรเสริมโปรตีนจากปลา ไก่ หรือไข่ โดยให้ได้รับโปรตีนวันละประมาณ 1.2–1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

  • เพิ่มวิตามิน B และ K:
    วิตามินบีช่วยในการเผาผลาญพลังงาน ส่วนวิตามินเคช่วยป้องกันเลือดออกง่าย ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยตับแข็ง ผักใบเขียวเข้ม เช่น บรอกโคลี และผักโขม เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ควรลวกก่อนกินเพื่อลดใยหยาบที่ทำให้ท้องอืด

  • เสริมสังกะสีและแมกนีเซียม:
    โรคตับแข็งมักทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุเหล่านี้ ซึ่งจำเป็นต่อการฟื้นฟูเนื้อตับ สามารถเติมเต็มได้ด้วยเมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือเมล็ดทานตะวัน โดยควรบดละเอียดก่อนกินเพื่อป้องกันเส้นเลือดหลอดอาหารบาดเจ็บ


🚫 ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการดูแลตับ


7 Biến chứng nguy hiểm của bệnh xơ gan


  • เชื่อว่าเต้าหู้เป็น “ยาวิเศษ”:
    ไม่มีอาหารชนิดใดรักษาโรคตับแข็งได้ด้วยตัวเอง การกินอาหารเดิมซ้ำ ๆ โดยขาดสารอาหารอื่น อาจทำให้ร่างกายขาดสารและอ่อนแรงลง

  • งดโปรตีนทั้งหมด:
    หลายคนกลัวตับทำงานหนักจึงเลิกกินเนื้อสัตว์หรือปลา ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อลีบ ภูมิคุ้มกันลดลง และโรคทรุดเร็วขึ้น ยกเว้นเฉพาะในรายที่มีภาวะโคม่าตับเท่านั้นที่ต้องจำกัดโปรตีนอย่างเข้มงวด

  • กินอาหารเสริมหรือยาบำรุงตับเกินจำเป็น:
    เช่น ซุปเต่า โสม หรือผงโปรตีน หากกินโดยไม่ปรึกษาแพทย์อาจเกิดผลตรงข้าม


🩺 ตับ — โรงงานเคมีของร่างกาย

ตับทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก และเมื่อเริ่มเสียหาย มันมักไม่แสดงอาการในทันที ดังนั้นผู้ป่วยควรตรวจสุขภาพทุก 3 เดือน เพื่อปรับอาหารและการรักษาให้เหมาะสม

อย่าหลงเชื่อว่า “อาหารชนิดเดียวรักษาโรคได้” เพราะมีเพียงการกินอย่างสมดุล และทำตามคำแนะนำแพทย์เท่านั้น ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยตับแข็งมีชีวิตยืนยาวและแข็งแรงได้จริง

บทความในหมวดเดียวกัน

บทความใหม่